วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

มุกดาหาร- ชาวบ้านร้องให้ตรวจสอบวัดป่าภูแฝกตั้งโรงงานผลิตน้ำดื่มขาย

          มุกดาหาร – ตัวแทนชาวบ้านหมู่ 9 ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร  กว่า 50 คน ร้องให้ตรวจสอบวัดป่าภูแฝก ตั้งโรงงานผลิตน้ำดื่มขาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำดื่มและน้ำใช้ในชีวิตประจำวัน เดินทางพร้อมถือป้ายร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร

          เมื่อ 24 08 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้าน หมู่ 9 ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ที่รวมตัวกันเดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ร้องให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดป่าภูแฝก ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร  ตั้งโรงงานผลิตน้ำดื่มขายภายในบริเวณวัด ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำดื่มและน้ำใช้ในชีวิตประจำวัน น้ำดื่มและน้ำใช้ดังกล่าวทางชาวบ้าน และวัดใช้ร่วมกันมานาน

          นางสาวประไพ คนคล่องนเลขที่ 292 หมู่ 9  บ้านคำเบิ่มบ่าม ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ตัวแทนชาวบ้าน  กล่าวว่า ชาวบ้านคำเบิ่มบ่ามขาดน้ำใช้ในระยะ 2 ปี ตามที่เข้าไปในวัดก็ได้เห็นหลักฐานหลายอย่างอาทิ แท๊งค์น้ำ ขวดน้ำที่มีการบรรจุน้ำแล้ว และถังน้ำพร้อมจำหน่าย ได้มีนายทุนเข้ามาผลิตน้ำดื่มขาย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นอย่างที่สงสัยหรือไม่ เพราะตามที่เจ้าอาวาสได้บอกว่า ทำเพื่อเป็นทาน ผลิตเพื่อเป็นทาน แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ในหมู่บ้านตามร้านค้าชุมชน ตามบ้านของชาวบ้านว่าได้รับซื้อน้ำจากวัดแห่งนี้จริง 1 แพ๊ค 12 ขวด ส่งขายในราคา 35 บาท และแบบเป็นถังขายในราคา 10 บาท รวมค่าประกันถัง 40 บาท รวมเป็น 50 บาท ได้ไปสอบถามชาวบ้านแล้ว

          นางสาวประไพ คนคล่อง กล่าวต่ออีกว่า น้ำขาดแคลน และชาวบ้านไม่ได้ใช้น้ำเลย เกิดจากทางวัดตั้งโรงงานผลิตน้ำดื่มขาย อยากให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าอาวาสด้วย ว่าจริงหรือไม่ และความประพฤติของเจ้าอาวาส ทำให้ชาวบ้านแคลงใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิริยาคำพูดคำจา และเจ้าอาวาสไม่ได้รับกิจนิมนต์ของสงฆ์ใด ๆ ทั้งสิ้น 

          นางลภัสพร คนเที่ยง บ้านเลขที่ 62 หมู่ 9 บ้านคำเบิ่มบ่าม ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า น้ำมาจากภูเขา โดยนำสายยางไปต่อจากถ้ำ แล้วส่งต่อลงมาพักไว้ที่บ่อซีเมนต์บริเวณวัดภูแฝก โดยช่วงหน้าแล้งก็ได้ใช้น้ำจากภูเขาแห่งนี้ แต่มันก็ไม่เยอะ แต่ก็มีน้ำใช้ไม่ขาด พอมาปีนี้ชาวบ้านได้ใช้น้ำแค่ซอยเดียว ประมาณ 30-40 ครัวเรือน โดยทางวัดได้นำน้ำใส่ขวด ใส่ถังไปขาย ในแต่ละวันวิ่งส่งน้ำหลายเที่ยว แต่น้ำที่ส่งมาให้ชาวบ้านมีท่องปูนท่อเดียว แต่ทางวัดมีถังน้ำสแตนเลชถังใหญ่ 4 ใบ โดยท่อน้ำที่ต่อลงมาพักไว้ในวัด และต่อเชื่อมลงมาให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำ โดยทางวัดได้นำน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ไปผลิตน้ำดื่มเพื่อจำหน่าย มีขนาดขวด 600  มล. และถังใหญ่ โดยทางวัดจะปล่อยน้ำไปให้ชาวบ้านใช้ และชาวบ้านก็ตกลงกันเอง และผลัดกันใช้ แต่ถ้าใช้น้ำพร้อมกันน้ำจะไม่เพียงพอ แต่ชาวบ้านก็ได้เสียค่าน้ำในราคามิเตอร์ละ 5 บาท โดยจ่ายให้วัด ตกลงกันว่าให้เจ้าอาวาส 3 บาท อีก 2 บาท เก็บไว้เป็นค่าซ่อมแซม ต่อมาเครื่องพังก็ให้ชาวบ้านเป็นซ่อม มีปัญหามาตั้งแต่ต้นปี เพราะน้ำไม่พอใช้ โดยทางวัดนำไปผลิตน้ำดื่มขาย ถ้าไม่ขายก็ไม่มีปัญหา และไม่กระทบกับชาวบ้าน แต่ปัจจุบันมีผลกระทบ ต้องหมุนกันใช้น้ำ ชาวบ้านที่เดือดร้อนจริง ๆ ประมาณ 60-70 ครัวเรือน  อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือในการขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากให้ตรวจสอบวัดว่าถูกต้องหรือ และน้ำดื่มถูกต้องหรือไม่ ทางวัดได้ผลิตน้ำขายมาได้ 1 ปี พอทางวัดผลิตน้ำขายทางชาวบ้านก็ขาดน้ำดื่มน้ำใช้

          ด้านเจ้าอาวาส วัดป่าภูแฝก ได้อธิบายว่าเดิมวัดแห่งนี้ไม่มีน้ำใช้  เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขาจึงต้องหาแหล่งน้ำ  จึงไปพบแหล่งน้ำจากภูเขาที่ไหลมาตามห้วยทางวัดจึงได้ทำการต่อท่อและสร้างแท๊งค์น้ำขึ้นมาเพื่อจะใช้ภายในวัด เมื่อ5-6ปีก่อน ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้จึงตัดสินใจให้ชาวบ้านมาต่อท่อจากแท๊งค์น้ำที่วัดลงไปใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนซึ่งมาปีนี้ 2563 ฝนมาช้าจึงเกิดปัญหาน้ำขาดแคลนเพราะทางวัดก็ต้องใช้น้ำเช่นกัน  ทำให้น้ำที่จะลงให้ชาวบ้านใช้ขาดแคลน   อีกทั้งท่อที่ต่อจากทางวัดลงไปที่หมู่บ้านมีบางส่วนที่พังเสียหาย  ซึ่งขณะนี้ได้ให้คณะกรรมการซ่อมแช่มแล้ว ตอนนี้น้ำก็ไหลเป็นปกติ ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าทางวัดผลิตน้ำขายนั้นเป็นเพียงการทำขึ้นมาเพื่อเป็นธรรมทาน แต่ทุกอย่างมีต้นทุนถ้าใครต้องการก็ต้องมีค่าตอบแทนตามที่คณะกรรมการของวัดได้กำหนดขึ้น


       ด้านนายเอกราช  มณีกรรณ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว ชาวบ้านคำเบิ่มบ่ามโนนสมบูรณ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลของอำเภอคำชะอี ประสบปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำ ข้อมูลเบื้องต้นอาจจะมีความไม่เข้าใจกัน เดิมเคยใช้น้ำร่วมกัน แต่ว่าช่วงนี้ก็ไม่ได้ใช้ร่วมกัน ซึ่งทางจังหวัดได้รับเรื่องแล้ว เบื้องต้นจะได้ประสานทางท่านนายอำเภอคำชะอี ให้ไปร่วมกับทาง อบต.บ้านค้อ ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจตรวจสอบปัญหาในเบื้องต้นก่อน ว่าจะแก้ไขอะไรได้บ้าง ในส่วนของจังหวัดโดยศูนย์ดำรงธรรมจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียด และหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้แก้ไขความเดือดร้อนเรื่องน้ำให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเรื่องน้ำเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุด

          ปลัดจังหวัดมุกดาหาร กล่าวต่ออีกว่า งานต่าง ๆ ที่เป็นของรัฐที่รับทราบข้อมูลจากชาวบ้าน จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบ ว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ ได้มาตรฐานหรือไม่จะได้ลงตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง..

                                                          ****************** 

อนุศักดิ์ – เสาวภา  แสนวิเศษ  // มุกดาหาร  081-5449094











มุกดาหาร -มันมาอีกแล้วมอดไม้ ผบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีตรวจยึดไม้พะยูง มูลค่ากว่า 1,590,000 บาท

        

          มุกดาหาร-  ผบ. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีตรวจยึดไม้พะยูง จำนวน 275 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 3.18 ลบ.ม. มูลค่ากว่า 1,590,000 บาท  เตรียมส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน

          เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563  ภายใต้การอำนายการของ พล.ต. สวราชย์ แสงผล ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.บุญสิน พาดกลาง รอง ผบ. กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.อ.ยงยุทธ  ขันทวี ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) พ.อ.ยุทธนา  มหาวัน รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ผบ.กรม ทพ.22/ฉก. ทพ. 21  พ.ท.รณชัย ศรีชนะ รอง ผบ.กรม.ทพ.22/ฉก.ทพ.21 ตชด.234, สน.เรือมุกดาหาร ตม.มุกดาหาร และทหารหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ร.3 พัน 1 ร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดไม้พะยูง รวมปริมาตร 3.18 ลบ.ม. มูลค่ากว่า 1,590,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการกระทำผิดเงือนไข และสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน โดยในปัจจุบันได้มีการลักลอบค้าไม้พะยูงจากฝั่งประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อันจะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ  ในการนี้ พล.อ.อภิรัชต์  คงสมพงษ์ ผบ.ทบ./ผบ.ศปก.ทบ ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดนได้สกัดกั้นการกระทำผิดเงื่อนไขและสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างจริงจัง

          สืบเนื่องจาก พล.ต. สวราชย์ แสงผล ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบค้าไม้พะยูงจะนำไม้พะยูงส่งไปประเทศเพื่อนบ้านที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ พ.ต.บารมี  ภักดีบุรุษ  ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2107 ประสานเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนประชุมวางแผนแล้วลงพื้นที่บริเวณที่ได้รับแจ้ง 

          กระทั่งที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่พบชายต้องสงสัย ประมาณ 8-10 คน กำลังเตรียมขนไม้พะยูงลงจากรถเข็น เพื่อจะนำไปขึ้นเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ที่จอดรอบริเวณฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ชุดลาดตระเวนจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อขอทำการตรวจสอบ เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ช่วยกันดันเรือเหล็กออกแล้ววิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบตรวจพบไม้พะยูงวางกระจัดกระจายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง หลังจากนั้นจึงทำการตรวจยึดของกลางมายังฐานปฏิบัติการ ร้อยทหารพรานที่ 2107 บ้านบุ่งอุทัย ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

           ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย 2107 ร่วมกับกรมป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร ร่วมทำการตรวจยึด การกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ บริเวณพื้นที่บ้านด่านคำ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร ของกลางไม้พะยูง 43 ท่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2563 ร้อยทหารพราน 2107 ตรวจพบการกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ บริเวณพื้นที่ บ้านบางทรายใหญ่ ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ตรวจยึดไม้พะยูง จำนวน 135 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น พร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ 1 ลำ และเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 สน.เรือมุกดาหาร ตรวจพบการกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ บริเวณพื้นที่บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ตรวจยึดของกลางไม้พะยูง จำนวน 63 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น พร้อมรถเข็นจำนวน 1 คัน ไม้ที่ทำการตรวจยึดทั้งหมดในครั้งนี้รวมจำนวน 275 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 3.18 ลบ.ม. มูลค่า 1,590,000 บาท

              จากข้อมูลทางลึกทราบว่า กลุ่มขบวนการลักกลอบค้าไม้พะยูง มีความพยายามจะลักลอบส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และพบว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมามีการจับกุมไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารได้เป็นจำนวนมาก..

                                                   ***************************** 

อนุศักดิ์ – เสาวภา  แสนวิเศษ // จังหวัดมุกดาหาร  081-5449094





หนองคาย - ร้อย.คทร.ที่ 2 บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)แถลงข่าวการจับกุม 3 ผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติด 193,920 เม็ด

          

           หนองคาย - กกล.สุรศักดิ์มนตรี โดย ร้อย.คทร.ที่ 2 บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) แถลงข่าวการจับกุม 3 ผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติด จำนวน 193,920 เม็ด ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สารภาพเป็นเพียงคนรับจ้าง

             เมื่อวันที่ 31ส.ค. 63 เวลา 13.30 น. ที่ บริเวณด้านหน้า หอประชุมประจักษศิลปาคม อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายรณชัย  จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมกับ  พ.อ.สุทธ์พิชญพงษ์  สุธิราวุธ รอง ผอ.รมน.จว.หนองคาย, พ.อ.เรวัฒ  ธรรมจิรเดช  รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ,น.อ.วรัท  โกพลรัตน์ ผบ.นรข.เขตหนองคาย,นายสมบัติ  ฆ้อนทอง  หน.ฝ่ายป้องกันปราบปรามด่านศุลกากรหนองคาย ,ปปส.ภาค 4,ตร.ภ.จว.หนองคาย.สภ.บ้านเดื่อ,ตชด.24 ,ตม.หนองคาย ,ชุด ชรบ.บ้านเดื่อ ,และหน่วยงานเกี่ยวข้อง  แถลงข่าวการจับกุม นาบสถิตชัย (หนิง) กัณทิศักดิ์ อายุ 38 ปี ราษฎรบ้านหมากก่อง ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย , นายวรวุฒ(เบส) ขันธประภา อายุ 23 ปี ราษฎร หมู่ 17 ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น และ นายจิรภัทร  เชิดชู (นามสมมุติ )อายุ18 ปี บ้านเลขที่ 50 /2ถนนในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมยาบ้า จำนวน 193,920 เม็ด ซุกซ่อนมาในกระเป๋าสะพาย ,รถเก๋ง โตโยต้า หมายเลขทะเบียน กจ 7287 มุกดาหาร และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน 1กย3951 อุดรธานี ได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงบ้านหมากก่อง ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย    โดยการอำนวยการของ พล.ต.สวราชย์   แสงผล  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พ.อ.บุนสิน  พาดกลาง รอง กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี,พ.อ.มงคล  หอทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13/ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

        เมื่อวันที่ 28 ส.ค.63 ,ร.ท.ณัฏฐภัทร  สุขศิริ ผบ.ร้อย.คทร.ที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีได้รับแจ้งข่าวจากสายลับ ว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด บริเวณริมดังกล่าว จึงได้รายงานให้ พ.อ.มงคล  หอทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13/ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ทราบ จากนั้นได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยงข้องเข้าทำการจับกุมและควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวน ที่ บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) กกล.สุรศักดิ์มนตรี 

      จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสถิตชัย  ให้การรับสารภาพว่าได้รับค่าจ้างจากmท้าวกอง  ชาวลาว  จำนวน 5,000 บาท ให้นำยาบ้ามาส่งต่อให้กับเครือข่ายค้ายาเสพติดจากจังหวัดขอนแก่น  ที่บริเวณป่าด้านหลังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านหมากก่อง  ตำบลบ้านเดื่อ  อำเภอเมืองหนองคาย   ส่วนนายวรวุฒิและนายจิรภัทร  ให้การรับสารภาพว่า  ได้รับจ้างจากเครือข่ายค้ายาเสพติดจากจังหวัดขอนแก่น  ให้เดินทางมารับยาบ้าที่จังหวัดหนองคาย  โดยจะได้ค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นจึงนำของกลางส่ง สภ.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป;ฤาษีลภ-ปวีณา//จ.หนองคาย








ชลบุรี-ทีม“phoenix Shark” คว้าแชมป์อีสปอร์ตกีฬาคนพิการประเทศไทย

      

            ชลบุรี- “บุญลือ”ป.กมธ.กีฬาพร้อมดัน พ.ร.บ.กีฬาคนพิการเพื่อให้รับโอกาสและสวัสดิการทางการกีฬาที่ดีขึ้น ทีม“phoenix Shark” คว้าแชมป์อีสปอร์ตกีฬาคนพิการประเทศไทย

 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 เวลา 14.30 น. ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา จังหวัดชลบุรี ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตคนพิการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รายการมหกรรมกีฬาคนพิการชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563 โดยสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2563 เป็นต้นมา โดยมีนักกีฬาคนพิการเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนหลายทีม มีนายไมตรี คงเรือง เลขาธิการและประชาสัมพันธ์สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมผู้ปกครองและนักกีฬาคนพิการให้การต้อนรับ

การแข่งขันดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้คนพิการที่มีใจรักอยากเล่นกีฬาได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในมหกรรมกีฬาคนพิการชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563 เป็นการเสริมสร้างสุขภาพ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย เป็นการประชาสัมพันธ์การกีฬาคนพิการ และเพื่อการพัฒนายกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตคนพิการภายในประเทศไปสู่มาตรฐานสากล ทั้งนี้การแข่งขันยังเป็นการเฟ้นหาคัดเลือกนักกีฬาอีสปอร์ตคนพิการหน้าใหม่ที่มีผลงานสถิติที่ดี เพื่อเป็นตัวแทนนักกีฬาคนพิการในนามประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันอีสปอร์ตคนพิการในระดับนานาชาติ

นายไมตรี คงเรือง เลขาธิการและประชาสัมพันธ์สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศไทย มี พ.ร.บ.ที่ช่วยเหลือคนกีฬาในกลุ่มผู้พิการอย่างชัดเจน และขอขอบคุณที่ผ่านมาในด้านการช่วยเหลือเงินให้กับนักกีฬาคนพิการที่ได้เหรียญรางวัลถือว่าค่าตอบแทนคุ้มค่า แต่สิ่งสำคัญที่กีฬาคนพิการคิดว่าจะทำให้คนพิการที่รักกีฬาได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้น นั้นคือการให้กำเนิด พ.ร.บ.กีฬาคนพิการแห่งชาติ 

“ตนมองว่า สวัสดิการทางการกีฬาสำหรับคนกีฬา มีความสำคัญกว่าเหรียญรางวัล เพราะเหรียญรางวัลจะหมายถึงความเป็นเลิศทางการกีฬาแต่หากเป็นสวัสดิการนักกีฬาคนพิการทุกคนก็จะมีโอกาสเข้าถึงในด้านต่างๆ ซึ่งก็ควรที่จะคงเอาไว้ทั้งสองอย่างอนาคตหากมี พ.ร.บ.จริงก็จะสามารถเข้าไปดูแลทุกมิติของทางการกีฬาคนพิการได้ เพราะใน พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มีเพียงแค่วัตถุประสงค์เพียงข้อเดียวที่พูดถึงกีฬาคนพิการ แต่หากมี พ.ร.บ.กีฬาคนพิการจริง เมื่อมีการดูกันอย่างรอบด้านและมีการยกร่างก็เชื่อว่าจะทำให้นักกีฬาที่เป็นคนพิการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่”

นายสุพรธรรม มงคลสวัสดิ์ อุปนายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศไทย กล่าวว่า การผลักดันช่วยเหลือกีฬาคนพิการเป็นไปตามยุคตามสมัย มีท่าน “บุญลือ” ป.กมธ.กีฬา ให้ความสนใจก็รู้สึกดีมากเพราะหากไม่สนใจในข้อเท็จจริงในสภาพการแข่งขัน การช่วยเหลือหรือสวัสดิการก็จะไม่มีเลย แต่ถ้าหากกีฬาคนพิการมีกฏหมายเป็นของตนเองจัดโครงสร้างองค์กรและระบบสวัสดิการให้ชัดเจน จัดระบบสนับสนุนให้ทุกคนออกมาเล่นกีฬาให้ชัดเจน ตนคิดว่าน่าจะทำให้เกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่องและยังยืน

“อนาคตทำได้จริงตนเชื่อว่าจะพลิกประวัติศาสตร์ของไทย เพราะในปี คศ.1975 มีโอลิมปิกส์ที่โตเกียว เป็นกีฬาคนพิการที่ญี่ปุ่น สถานการณ์ด้านคนพิการในญี่ปุ่นพลิกหน้ามือหลังมือเพราะญี่ปุ่นได้ใช้กีฬาเป็นสื่อทั้งคนและสังคมให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของคนพิการ เพราะฉะนั้นหากท่าน “บุญลือ” ป.กมธ.กีฬา จะเปิดโอกาสอาจจะเชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ว่ากีฬาคนพิการนั้นจะทำการส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนได้อย่างไรการรมีกฏหมายมีความจำเป็นหรือไม่หรือควรที่จะไปปรับปรุงกฏหมายในส่วนไหนที่จะทำให้ คนพิการที่เล่นกีฬาและเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...อาจจะไม่จำเป็นที่สุดที่จะต้องมี พ.ร.บ.กีฬาคนพิการ แต่ถ้าสามารถมีได้ก็จะเป็นตัวช่วยที่จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งในยุคนี้”

สิ่งที่ต้องการจะเอ่ยถึงกีฬาในกลุ่มคนพิการ นั้น หากมองและปล่อยผ่านให้ผู้พิการอยู่บ้านไปวันๆ เรื่องนี้บอกได้เลยว่าจะส่งผลให้คนพิการเองหรือคนในครอบครัวจะรู้สึกหดหู่ แต่หากมีการสนับสนุนให้คนพิการได้เล่นกีฬา ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกในฐานะนักกีฬาหรือในฐานะคนกีฬา จะทำให้คนเหล่านี้มีแรงผลัดดันที่จะทำให้พวกเค้านั้นมีกำลังใจที่ก้าวเดินต่อไป

ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ดีมากในการสร้างคนพิการให้มีความมั่นคงและมีสุขภาพที่ดี ก็ต้องฝากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะหาวิธีการทำอย่างไรที่จะทำเรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนพิการ ในเรื่องของข้อกฏหมายที่ทางสมาคมฯต้องการที่จะมี พ.ร.บ.กีฬาคนพิการนั้น กรณีนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎรโดยตรง เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทดลองยกร่างนำเสนอข้อกฏหมายเข้ามาช่วยกันดู ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กมธ.กีฬา สภาผู้แแทน อยู่แล้ว 

“เราไม่ขัดคล่องที่จะนำเสนอให้มีการร่าง พ.ร.บ.กีฬาคนพิการ เพราะถือเป็นภาระกิจหน้าที่ของ คณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร และในอนาคตก็พร้อมที่จะเปิดเวทีให้มีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อนักกีฬาต่อไป”สำหรับผลการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตคนพิการชิงแชมป์ประเทศไทย 2563

ที่ 1 phoenix Shark,ที่ 2 Decide,ที่ 3 Baby build House  ที่ 4 Jaroen porn Esports by hug e-sport;ยุทธนา   เกียรติดำเนินงาม 




รัฐสภา-คนกีฬาเฮ บุญลือ กมธ.กีฬา มีมติต่อพระราชกฤษฎีกาขอขยายเวลาลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเพื่อการกีฬา เข้า ครม.

     

       รัฐสภา-คนกีฬาเฮ!! “บุญลือ” เผย กมธ.กีฬา มีมติต่อพระราชกฤษฎีกาขอขยายเวลาลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเพื่อการกีฬา เข้า ครม.

       ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมาธิการ ครั้งที่ 24 วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) 402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา  ที่ประชุมได้พิจารณาศึกษาแนวทางในการ "ขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีด้านการกีฬา" เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 696) พ.ศ. 2563 ซึ่งรองรับการบริจาคเพื่อการกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จะสิ้นสุดเวลาในการยื่นชำระภาษีในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 นี้ โดยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมชี้แจง ได้แก่นางพิมพ์อร ยิ้มประเสริฐ นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพากร พร้อมทีมกฎหมายและวิชาการภาษี, นายธัชนาถ ทองประกอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย, นายยุธยา จีนหีต ผู้อำนวยการกององค์กรและพัฒนากีฬาเป็นเลิศ, นายสุธน วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา กรมพลศึกษา, ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, นายวิชาญ พึ่งตน ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต, นางสาวรัฐวัลย์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนคณะกรรมการกีฬาจังหวัด

           ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการกีฬา ซึ่งเริ่มใช้มายาวนาน ตั้งแต่ปี 2548 และมีการต่ออายุ เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ 3 ปีต่อครั้ง 2 ปีต่อครั้ง และมาถึงปีเว้นปี โดยพระราชกฤษฎีกาฉบับล่าสุดนี้ ใช้รองรับการลดหย่อนภาษีกีฬา ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ทางกรมสรรพากร ซึ่งเป็นผู้ออกกฎหมาย และหน่วยงานที่เข้าประชุมทั้ง 6 หน่วยงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเป็นหน่วยรับการบริจาคที่อยู่ในพระราชกฤษฎีกา ต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่า มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการกีฬานี้ มีประโยชน์ต่อวงการกีฬาอย่างยิ่ง สมควรที่จะมีการขยายเวลาการลดหย่อนภาษีต่อไปอีก โดยอาจขยายเป็นช่วงเวลา 3 ปี 5 ปี หรือ กำหนดเป็นมาตรการถาวร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวงการกีฬาอย่างสูงสุด 

        โดยในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ทางกรมสรรพากร ได้กำหนดวิธีการ ขอลดหย่อนภาษี ด้วยระบบ e-donation ซึ่งทุกหน่วยงาน สามารถเข้าไปลงทะเบียน เพื่อขอเลขรับ และมีชื่อหน่วยงานอยู่ในระบบ และขณะนี้ฝ่ายวิชาการภาษีได้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างรอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทยได้เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมความเห็นของ 6 หน่วยงานที่เป็นหน่วยรับการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกา เสนอเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา เรื่องการมีผู้เข้ามาใช้มาตรการนี้ในจำนวนน้อยมาก จึงขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือไปถึงทั้ง 6 หน่วยงานในทุกจังหวัด ได้แก่ การกีฬาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด, คณะกรรมการกีฬาจังหวัด, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด, สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด รวมทั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อขอให้จัดการประชุมหรือสัมมนา โดยเชิญ บุคคลและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัด มารับทราบข้อมูล หรือช่วยกันประชาสัมพันธ์ ให้เข้าใจถึงขั้นตอนในการขอลดหย่อนภาษีกีฬา ในระบบ e-donation และ เข้าใจถึงประโยชน์จากการบริจาคเพื่อการกีฬาอย่างกว้างขวางต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้กรมสรรพากร ได้เร่งดำเนินการเสนอให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาขยายเวลาลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเพื่อการกีฬา เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอน และขอให้รายงานผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ต่อคณะกรรมาธิการในโอกาสแรกด้วย.;ยุทธนา  เกียรติดำเนินงาม








วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

"เกษตรกรภาคกลาง" เอาด้วยขานรับ "รวมไทยสร้างชาติ"

 

              "เกษตรกรภาคกลาง" เอาด้วยขานรับ "รวมไทยสร้างชาติ" ผนึกหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่น ขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สนองพระราชดำริในหลวง  

              ณ ร้านกาแฟอเมซอน ซอย วิภาวดี 64 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ,นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย ,พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ,นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งประเทศไทย ,นายสมชัย แสงทอง รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคเหนือ ,นางนิตยา นาโล รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคอีสาน พร้อมคณะผู้บริหาร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสมาชิกเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจ ร่วมประชุมหารือการปรับเปลี่ยน "หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย" ขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จาก ร.9 ถึง ร.10 สู่ผองไทยทั่วแหล่งหล้า สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา

          นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่น เรารักประเทศไทย ได้กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุทธศาสตร์ชัด จะปรับปรุงการทำงานของรัฐบาลเป็นแบบ วิถีปกติใหม่หรือ “New Normal” แบ่งเป็น 3 แนวทางหลัก คือ 1.ผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย เปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับผลจากนโยบายต่างๆได้มีส่วนร่วม รัฐบาลต้องได้ยินเสียงของประชาชน และรับฟังความคิดเห็นประชาชนให้มากขึ้น 2.การประเมินผลงานภาครัฐ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีบทบาทในการประเมินผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการต่างๆของภาครัฐ ให้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลได้รับทราบโดยตรงได้ด้วย และ 3.การทำงานเชิงรุกในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยรัฐบาลจะกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยนายกฯจะติดตามกำกับดูแลด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้เอง ตนจึงได้ประสานงานกับกลุ่มเกษตรกรเพื่อมาร่วมกับทาง "เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย" จัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพราะว่าที่ผ่านมาเกษตรกรที่ประกอบอาชีพในด้านต่างๆ มีการประกอบกิจการโดยชุมชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้งด้านการผลิต การค้า และการเงิน และต้องการใช้ปัจจัยการผลิตนี้ให้เกิดดอกผลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ด้านเศรษฐกิจ คือ การสร้างรายได้และอาชีพ ด้านสังคม คือ การยึดโยงร้อยรัดความเป็นครอบครัวและชุมชนให้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ แบ่งทุกข์แบ่งสุขซึ่งกันและกัน โดยผ่านกระบวนการของชุมชน แต่เกษตรกรยังขาดปัจจัยในการผลิตสินค้าทางการเกษตรขอขาดงบประมาณการช่วยเหลือจากภาครัฐ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง

เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นระดับประเทศไทยจึงได้นำเสนอ โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร หรือ กปจ.กษ. พร้อมกับขอความช่วยเหลือต่อทาง ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่รับความเดือดร้อนในช่วงสภาวะวิกฤติไวรัส covid-19 ระบาด และทางรัฐบาลเองก็พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตามนโยบาย "รวมไทยสร้างชาติ"//พิสิษฐ์  ชาญเจริญ