วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

หนองคาย-ทีมพรรคเพื่อไทย หนองคาย ลงพื้นที่ขอคะแนนยกทีม

 

       หนองคาย – ไม่เป็นอีแอบทีมพรรคเพื่อไทย หนองคาย ลุยลงพื้นที่ถึงตัวทุกครัวเรือน ชูนโยบาย  4 ทิศ  ขอคะแนนเสียงชาวบ้าน ภายใต้สโลแกน เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนคน เปลี่ยนหนองคาย เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้งบประมาณที่คาใจของชาวบ้าน

                    นายธนพล  โลละวิทย์มงคล (อัพ) ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย  หมายเลข 2 พร้อมทีมผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.หนองคาย ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ พร้อมปราศรัยหาเสียงเชิญชวนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคมนี้ ด้วยการเลือกทีมพรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ทั้ง นายก อบจ. และ ส.อบจ.

           นายธนพล  โลละวิทย์มงคล ผู้สมัคร นายก อบจ.กล่าวว่า  ทีมพรรคเพื่อไทย หนองคาย เป็นกลุ่มการเมืองที่เกิดจากการรวมตัวของคนหนองคายที่มองประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนชาวจังหวัดหนองคาย ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ในการเข้ามาพัฒนาจังหวัดหนองคาย แก้ไขปัญหาการใช้งบประมาณที่คาใจของชาวบ้าน โดยชูนโยบาย  4 ทิศ ได้แก่ ทิศที่ 1 ครัวของอีสานเหนือ เป็น การพัฒนาด้านการเกษตรให้เหมาะสมกับตลาด ปรับการจัดการน้ำแบบบูรณาการระหว่างตำบล ที่ท่วมต้องไม่ท่วม ที่แล้งต้องไม่แล้ง เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าการเกษตรสำหรับหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง ทิศที่ 2  พัฒนาการท่องเที่ยว สร้างโครงข่ายการท่องเที่ยว โครงข่ายการคมนาคม และสถานที่ท่องเที่ยว พัฒนาเมืองอัจฉริยะ เครือข่ายการสื่อสาร พัฒนาการท่องเที่ยว 1 อำเภอ 1 จุดท่องเที่ยว ตลาดการค้าชายแดน ทิศที่ 3 โครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายน้ำ ไฟฟ้า ถนน รับรองการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการท่องเที่ยว โรงพยาบาล การกำจัดขยะ การคมนาคม ระบบสาธารณสุข และ ทิศที่ 4 พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างงานสร้างอาชีพผ่านการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและศูนย์กลางการขนส่ง พัฒนาหนองคายด้าน ภาษา การท่องเที่ยว การตลาด ดิจิทัลเพื่อรองรับการเติมโต  ป้องกันสมองไหล คนหนองคายต้องมีงานทำที่หนองคาย และคนหนองคายต้องมีส่วนร่วม  ซึ่งทั้งหมดที่กล่ามา  กลุ่มพรรคเพื่อไทยประกาศตัวอย่างชัดเจน ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นอีแอบ  ภายใต้สโลแกน เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนคน เปลี่ยนหนองคาย จึงขอฝากให้พ่อแม่พี่น้องได้สนับสนุนและขอให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง  ในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563  นี้  เลือกทีมพรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน ทั้ง นายก อบจ. หมายเลข 2 และ ผู้สมัคร ส.อบจ.ยกทีม  เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนคน เปลี่ยนหนองคาย เพื่อคนหนองคาย  :ฤาษีลภ//จ.หนองคาย




















วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

มุกดาหาร- การเมือง ดุ ทำลายป้ายหาเสียงของคู่แข่งพังเสียหาย

          

         มุกดาหาร - การเมืองดุ ทำลายป้ายหาเสียง นายก อบจ. และ ส.อบจ. นำสีสเปรย์พ่นป้าย ด้วยคำหยาบคาย  เจ้าตัวเตรียมเข้าแจ้ง กกต. เอาผิด เพราะในพื้นที่มีกล้องวงจรปิด

          เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  บรรยากาศการติดป้ายหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.มุกดาหาร และส.อบจ.มุกดาหาร ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร พบว่าป้ายหาเสียงริมถนนสองนางสถิต  อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีป้ายของผู้สมัครนายก อบจ.  หมายเลข 4 ผู้สมัครอิสระ จำนวน 1 ป้าย ถูกมือดีเอาสีสเปรย์พ่นและถ้อยคำหยาบคายที่บริเวณป้ายได้รับความเสียหาย และป้ายผู้สมัคร ส.อบจ. หมายเลข 2 เขตเลือกตั้งที่ 7 ถูกมือดีเอาสีสเปรย์มาพ่น และถ้อยคำหยาบคายเต็มป้าย ซึ่งป้ายได้รับความเสียหายเช่นกัน

          ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทางผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. มุกดาหาร เรื่องป้ายที่ถูกทำลายนั้น ทางผู้สมัคร บอกว่า ยังไม่ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จะเข้าพบทาง กกต.จังหวัดมุกดาหาร เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว และจะได้ติดตามหาตัวผู้กระทำความผิด เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดหลายตัว คาดว่าน่าติดตามตัวผู้ทำลายป้ายหาเสียงของผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. มุกดาหาร มาดำเนินคดีตามกฏหมาย

          ทั้งนี้ หากผู้ใกมีพฤติกรรมการทำลายป้ายหาเสียง  มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งก็มีโทษในอัตราเดียวกัน

          อย่างไรก็ตามซึ่งการทำลายป้ายหาเสียงนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย และหากมีคนเห็นต่างที่แอบทำลายป้ายหาเสียง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกเช่นกัน  นอกจากห้ามทำลายแล้ว ห้ามเคลื่อนย้ายป้ายหาเสียง เพราะจะมีความผิดด้วย...

                                                  ************************

อนุศักดิ์ - เสาวภา แสนวิเศษ  // มุกดาหาร  081-5449094







"อานนท์ แสนน่าน" นำทัพเสื้อแดงรักษาพระองค์ เยือนเชียงใหม่

          


             "อานนท์ แสนน่าน" นำทัพเสื้อแดงรักษาพระองค์ เยือนเชียงใหม่ น้อมนำพระราชดำรัสในหลวง เล่าสู่แกนนำร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

           เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ณ เทศบาลตำบลออนใต้ ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นายอานนท์ แสนน่าน ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ร่วมกับ หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ “นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และกองทัพประชาชนปกป้องสถาบัน ร่วมจัดงาน “รวมลานบ้าน ชวนกินข้าว ฟังเรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัวฯ” โดยมีตัวแทนจากอำเภอต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมรับฟัง

นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ประชาชนคนไทยต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งชาติ เป็นบทบัญญัติในมาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เมื่อคนไทยมีหน้าที่รักษา ก็ต้องดูแล และป้องกันชาติ มิให้ผู้ใดใช้ข้ออ้างใดๆ เพื่อแบ่งแยกแผ่นดินไทย ด้วยเหตุผลทางการเมือง การปกครอง หรือศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้" ดังนั้น ผู้ใดจะมาชักจูง โน้มน้าวเราด้วยเหตุผลใดๆ ถือว่าเป็นผู้ทำลายประเทศชาติ คนไทยทุกคนมีหน้าที่รักษาชาติให้มีเสถียรภาพ มั่นคงถาวรและเป็นเอกภาพตลอดไป

ส่วนการรักษาศาสนา เนื่องจากประเทศไทยให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาและสามารถประกอบพิธีกรรมตามศาสนาได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ คือ ทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาในประเทศไทย รัฐธรรมนูญจึงกำหนดให้เป็นหน้าที่ที่เราทุกคนต้องรักษาไว้ซึ่งศาสนา ซึ่งน่าจะหมายถึงการบำรุงรักษาและเสริมสร้างศรัทธาเพื่อให้ศาสนาคงอยู่คู่บ้านเมืองและเป็นหลักยึดเหนี่ยวในด้านคุณธรรมสืบไป 

        นายอานนท์ กล่าวอีกว่า การรักษา "พระมหากษัตริย์" และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภารกิจนี้เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคน เพราะประเทศไทยดำรงอยู่ได้และคนไทยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขยืนยงมาถึงทุกวันนี้ ด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ปกอยู่เหนือเกล้าฯ ชาวไทยทุกคน เพราะแต่ละพระองค์จะครองราชย์สมบัติ ดูแลบ้านเมือง ทั้งมีความรู้สึกผูกพัน ตั้งแต่โบราณกาลถึงปัจจุบัน ย่อมจารึกอยู่ในดวงใจของชาวไทยทั้งประเทศ ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่คนไทยต้องดูแลรักษาและเทิดทูนสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ไว้ด้วยชีวิต อีกทั้งต้องป้องกันภัยพาลอันเกิดจากวาจาหรือความคิดที่ไม่สุจริตทั้งปวง การปกครองของไทยจึงเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่แน่วแน่มั่นคงเพราะพระองค์ คือ สัญลักษณ์แห่งคุณธรรมและสันติสุข:พิสิษฐ์  ชาญเจริญ






หนองคาย-กกล.ยึดลอตใหญ่ยาบ้าชายแดนหนองคาย มูลค่ากว่า 414,500,000 บาท

 

        หนองคาย- หวิดปะทะยึดลอตใหญ่ยาบ้าชายแดนหนองคาย กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้า 8,290,000 เม็ด มูลค่ากว่า 414,500,000 บาท  ที่พยายามลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

    เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา 14.00 น.ที่หมวดเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กองบังคับการควบคุมที่ 2,พันเอกณรงค์   สวนแก้ว รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  ร่วมกับ นายณัฐวัสส์  วิริยนภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหนองคาย , พันเอกมงคล  หอทอง ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี,พันเอกเรวัฒ  ธรรมจิรเดช ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22,พันเอกศิวดล  ยาคล้าย รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2,นาวาเอกวรัท  โกพลรัตน์ ผู้บังคับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตหนองคาย ,พ.ต.อ.สมชาย สงวนศักดิ์ภักดี ผกก.สภ.เวียงคุก, พ.ต.อ.ธนรัตน์ รุ่งโรจน์ดี ผกก.ตม.หนองคาย, พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ นายด่านศุลกากรหนองคาย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 8,290,000 เม็ด  ที่พยายามลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านนาเหล่า  หมู่ 1  ตำบลเวียงคุก อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย  ภายใต้การอำนวยการของ พลตรีบุญสิน  พาดกลาง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี,พลตำรวจตรีกิตติศักดิ์  จำรัสประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ,พันเอกมงคล  หอทอง ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

           ด้วยกองทัพภาคที่ 2 โดย กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบยาเสพติดภาค 4 และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบยาเสพติดจังหวัดหนองคาย มีมาตรการเข้มเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย  ตามแนวชายแดน ตามแผนงานป้องกันชายแดน ปี 2564  และแผนงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้โทษ ปี 2564 โดยการบูรณาการทุกภาคส่วน

         การตรวจยึดครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 21.0022.30 น.จ่าสิบเอกยุทธนา สุขเกษม ผู้บังคับหมวดเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีการขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติพยายามลักลอบลำเลียงนำยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาส่งพ่อค้าไทยในพื้นที่บ้านนาเหล่า  หมู่ 1  ตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองหนองคาย  จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาและร.ท.คมกริช  จันทสุข ผู้บังคับกองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 2 ทราบ จากนั้นได้จัดกำลังออกลาดตระเวนและเข้าดักซุ่ม เวลาต่อมาดังกล่าว  ได้ตรวจพบเรือต้องสงสัยจำนวน 1 ลำ ดับเครื่องยนต์ได้ไหลตามน้ำมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สังเกตมีกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 7-8 คน ได้ขนวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาจากเรือมาวางไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง จนกระทั่งเวลา 21.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฯ ได้แสดงตัวขอตรวจค้น และ จับกุม กลุ่มชายต้องสงสัยตกใจได้อาศัยความมืดและความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้

            ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และพบวัตถุต้องสงสัย วางกองอยู่ จำนวน 21 กระสอบ จึงได้เปิดดูพบภายในบรรจุยาบ้า  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการ ตรวจยึด และนำมายัง หมวดเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 2   เพื่อตรวจนับอย่างละเอียด จากการตรวจนับเป็นยาบ้า ชนิดสีส้ม จำนวน 8,207,100 เม็ด  และสีเขียว จำนวน  82,900  เม็ด   รวมจำนวน 8,290,000 เม็ด มูลค่ากว่า 414,500,000 บาทจึงได้ทำบันทึกการตรวจยึดอย่างละเอียดก่อนส่ง สถานีตำรวจภูธรเวียงคุก อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป:ฤาษีลภ-ปวีณา-//จ.หนองคาย











วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

มุกดาหาร - มุกดาหาร GPS ทำเส้น เล่นเอาใจหาย

           มุกดาหาร – เตือนผู้ใช้ GPS ในการนำทางให้ระมัดระวังถนนสร้างใหม่สี่เลน  ทางหลวงหมายเลข 12 ไม่มีป้ายเตือนจนมีรถเกิดอุบัติเหตุหลายรายเพราะเชื่อ  GPS    ฝากแขวงทางหลวงมุกดาหาร อย่าทำเฉยทำป้ายเตือนพร้อมติดไฟแสงสว่างติดให้ผู้ใช้ถนนเวลากลางคืนด้วย     

     


          เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 63  จากเพจเฟสบุ๊ค สภ.หนองสูง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ได้แจ้งเตือนประชาชนและผู้เดินทางที่จะเดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่น  และ กาฬสินธุ์  แล้วเปิด GPS นำทาง โดยที่ผ่านมามีผู้เดินทางที่เชื่อคำแนะนำของ GPS  ให้ใช้ถนนเส้นตัดใหม่คือทางหลวงหมายเลข 12 (สร้างใหม่) ที่ซึ่งเป็นถนน 4 ช่องจราจร แต่เส้นทางดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จ  บริเวณรอยต่อระหว่าง อำเอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร กับ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์  ซึ่งอยู่ในพื้นที่ บ้านคำพอก หมู่ 5 ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร  ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนหลงทางเข้ามา โดยใช้ทางเส้นนี้หลายรายและประสบอุบัติมาแล้วนับไม่ถ้วน 

          ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563 เวลาประมาณ 04.00 น.  เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งและให้การช่วยเหลือเพราะรถติดหล่มตรงที่สิ้นสุดถนน ใกล้สำนักสงฆ์รัตนมงคล บ้านคำพอก หมู่5 ตำบลโนนยาง  เป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์  มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย

          ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อไปดูสถานที่ดังกล่าวพร้อมกับได้สอบถามกับชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว คือ นายสุพล   อุ่นแก้ว  อายุ 44  ชาวบ้าน บ้านคำพอก ตำบลโนนยาง บอกว่าเส้นทางนี้ยังสร้างไม่เสร็จไม่รู้เกิดจากปัญหาอะไร โดยที่ผ่านมาก็มีรถที่ขับหลงเข้ามาใช้เส้นทางนี้เกือบทุกวัน  ส่วนมากจะเป็นเวลาประมาณ 03.00 - 05.00 น.  แต่ละคันขับมาด้วยความเร็วเป็นการยากที่เบลคทันที  จึงเป็นเหตุให้ลงไปตรงที่ถนนยังสร้างไม่เสร็จ รายล่าสุด 2 – 3 วันที่ผ่านมา ตนก็ได้สอบถามคนขับว่ามาได้ยังไงคนขับก็บอกว่า มาตาม GPS  แล้วก็มาด้วยความเร็วประกอบกับไม่ชินทางจนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์รถลงไปตรงทางที่ยังสร้างไม่เสร็จ  อีกอย่างที่สำคัญที่สุดที่ตรงนี้ไม่มีสัญญาณไฟเตือนเลย  ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทุกคนขับรถมาใช้เส้นทางนี้    


             อย่างไรก็ตามทางจังหวัดมุกดาหารได้แก้ไขปัญหาในเบื้องต้น  โดยประสานไปยังแขวงทางหลวงมุกดาหาร สภ.หนองสูง และ ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้นำแบริเออร์ และป้ายเครื่องหมายสะท้อนแสงมาติดตั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุแล้ว ...

                                                     ************************** 

อนุศักดิ์ - เสาวภา  แสนวิเศษ  //  มุกดาหาร  081-5449094