วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หนองคาย เร่งนำไม้ชิงชันอายุกว่า 100 ปีที่ล้มออกจากป่าหวั่นมอดไม้ลักลอบตัด


หนองคาย เร่งนำไม้ชิงชันอายุกว่า 100 ปีที่ล้มออกจากป่าหวั่นมอดไม้ลักลอบตัด
หนองคาย    เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม) พร้อมด้วย อาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาวและ อาสาสมัคร กองร้อย อาสาสมัครที่ ๑๐ อำเภอโพธิ์ตาก ร่วมกับชัก  ลากไม้ชิงชันที่อดีตผู้ราชการจังหวัด ทำพิธีบวชป่าเมื่อปี ๕๘ ออกจากป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว และป่าแก้งไก่ ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย หวั่นมอดไม้จะลักลอบเข้าไปตัด หลังจากถูกกระแสลมแรงพัดจนทำให้ไม้ชิงชันล้มลง




            ที่บริเวณวัดภูผาดัก หมู่ที่  ๘ ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย นายเอกชัย  เทพกิจ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม),นายบุญศรี  ชาติมนตรี ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหินขาว/ประธานอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาว ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก, อาสาสมัคร กองร้อยอาสาสมัครที่ ๑๐ อ.โพธิ์ตาก   และอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาวจำนวนหนึ่ง  ได้ร่วมกันชักลากไม้ชิงชันที่โค่นล้มเองโดยธรรมชาติจากกระแสลมแรงพัด  เนื่องจากเป็นไม้ที่ค่าทางเศรษฐกิจอาจถูกลักลอบขนย้ายไปได้ จึงได้ทำการตัดเป็น ๓ ท่อนๆ ยาว ๒ เมตร จำนวน ๒ ท่อน และ ๑.๒๐ เมตร จำนวน ๑ ท่อน รวมปริมาตร ๑.๒ ลูกบาตรเมตร  เพื่อง่ายต่อการขนย้าย เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย

         การชักลากไม้ชิงชันครั้งนี้ เนื่องจาก นายบุญศรี  ชาติมนตรี ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหินขาว/ประธานอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาว ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ทำสวนอยู่ใกล้พื้นที่ ว่าได้ยินเสียงดังคล้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ล้ม  จึงได้พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม) และสมาชิกอาสาพิทักษ์ป่า เข้าทำการตรวจสอบ บริเวณดังกล่าวพบไม้ชิงชันถูกกระแสลมพัดล้มลง  จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตัดและลำเลียงออกจากป่า นำไปเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม)  ไม้ชิงชันต้นดังกล่าว เป็นต้นไม้ชิงชันที่ นายสุชาติ   นพวรรณ  อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง และนักเรียนโรงเรียนอาโอยาม่า ๒ อ.โพธิ์ตาก พร้อมด้วยชาวบ้านได้ร่วมกับทำพิธีบวชป่าเมื่อ ปี ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นร่วมกันรักษาป่า หวงแหนป่าอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุข เนื่องจากป่าสงวนแห่งชาติพานพร้าว และป่าแก้งไก่ เป็นป่าผืนเดียวที่เหลืออยู่ เป็นทั้งแหล่งอาหาร และป่าต้นน้ำ ที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายหมู่บ้าน ทั้งยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริถึง ๒ โครงการ ด้วยกัน  ปัจจุบันยังพบว่ามีการลักลอบเข้าไปตัดไม้ต่อเนื่อง ทำให้ไม้ขนาดใหญ่ มีจำนวนลดลง  หากไม่ร่วมกันรักษาแล้วก็คงจะไม่เหลือป่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นกัน

(พันธลภ  แสงทอง ข่าว/อาสาพิทักษ์ป่า  ภาพ)




สนับสนุนข่าวโดย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น