หนองคาย
เร่งนำไม้ชิงชันอายุกว่า 100 ปีที่ล้มออกจากป่าหวั่นมอดไม้ลักลอบตัด
หนองคาย เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม)
พร้อมด้วย อาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาวและ อาสาสมัคร กองร้อย อาสาสมัครที่ ๑๐
อำเภอโพธิ์ตาก ร่วมกับชัก
ลากไม้ชิงชันที่อดีตผู้ราชการจังหวัด ทำพิธีบวชป่าเมื่อปี ๕๘
ออกจากป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว และป่าแก้งไก่ ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
หวั่นมอดไม้จะลักลอบเข้าไปตัด หลังจากถูกกระแสลมแรงพัดจนทำให้ไม้ชิงชันล้มลง
ที่บริเวณวัดภูผาดัก หมู่ที่ ๘ ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย
นายเอกชัย เทพกิจ
หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม),นายบุญศรี ชาติมนตรี
ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหินขาว/ประธานอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาว ต.ด่านศรีสุข
อ.โพธิ์ตาก, อาสาสมัคร กองร้อยอาสาสมัครที่ ๑๐
อ.โพธิ์ตาก และอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาวจำนวนหนึ่ง
ได้ร่วมกันชักลากไม้ชิงชันที่โค่นล้มเองโดยธรรมชาติจากกระแสลมแรงพัด
เนื่องจากเป็นไม้ที่ค่าทางเศรษฐกิจอาจถูกลักลอบขนย้ายไปได้ จึงได้ทำการตัดเป็น
๓ ท่อนๆ ยาว ๒ เมตร จำนวน ๒ ท่อน และ ๑.๒๐ เมตร จำนวน ๑ ท่อน รวมปริมาตร ๑.๒ ลูกบาตรเมตร เพื่อง่ายต่อการขนย้าย
เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย
การชักลากไม้ชิงชันครั้งนี้ เนื่องจาก
นายบุญศรี ชาติมนตรี
ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหินขาว/ประธานอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาว
ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ทำสวนอยู่ใกล้พื้นที่ ว่าได้ยินเสียงดังคล้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ล้ม จึงได้พร้อมด้วย
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม) และสมาชิกอาสาพิทักษ์ป่า
เข้าทำการตรวจสอบ บริเวณดังกล่าวพบไม้ชิงชันถูกกระแสลมพัดล้มลง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตัดและลำเลียงออกจากป่า
นำไปเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ๑ (สังคม) ไม้ชิงชันต้นดังกล่าว เป็นต้นไม้ชิงชันที่
นายสุชาติ นพวรรณ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย
ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง และนักเรียนโรงเรียนอาโอยาม่า ๒ อ.โพธิ์ตาก
พร้อมด้วยชาวบ้านได้ร่วมกับทำพิธีบวชป่าเมื่อ ปี ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นร่วมกันรักษาป่า
หวงแหนป่าอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุข เนื่องจากป่าสงวนแห่งชาติพานพร้าว
และป่าแก้งไก่ เป็นป่าผืนเดียวที่เหลืออยู่ เป็นทั้งแหล่งอาหาร และป่าต้นน้ำ
ที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายหมู่บ้าน ทั้งยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริถึง ๒
โครงการ ด้วยกัน
ปัจจุบันยังพบว่ามีการลักลอบเข้าไปตัดไม้ต่อเนื่อง ทำให้ไม้ขนาดใหญ่
มีจำนวนลดลง
หากไม่ร่วมกันรักษาแล้วก็คงจะไม่เหลือป่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นกัน
(พันธลภ แสงทอง ข่าว/อาสาพิทักษ์ป่า ภาพ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น