หนองคาย เจ้าของกระชังปลาแทบช็อคเมื่อเจอศพลอยมาติดกับกระชังปลา

หนองคาย – คนเลี้ยงปลากระชังออกให้อาหารปลาแทบช็อค เมื่อพบมีศพลอยอืดลอยมาติดที่กระชังปลา ญาติรุดดูศพยืนยันเป็นศพสามีตนเองซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศรี่หายออกไปจากบ้าน

              วันที่ 21 ก.พ. 61  ร.ต.อ.หญิงนงคราญ  หันจางสิทธิ์  รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ  จ.หนองคาย ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ท่าบ่อ ว่ามีผู้พบศพลอยน้ำมาติดกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้านที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.จักรทิพย์ กูลพฤกษี
ผกก.สภ.ท่าบ่อ ทราบ  จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.ต.เนติพงษ์ จำนงค์นิตย์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ แพทย์หญิงสุชาดา บุญลือ แพทย์เวรจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ  หน่วยกู้ภัยร่วมใจอำเภอท่าบ่อ และหน่วยกู้ภัยประจักษ์จุดท่าบ่อ รุดไปที่เกิดเหตุ

                ที่เกิดเหตุพบศพชายอายุประมาณ 50 ปี สูงประมาณ 155 เซนติเมตร สวมชุดนอนเป็นเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีน้ำ  ตาล นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตลอยติดอยู่ที่กระชังปลาริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณชุมชนแก้วพิจิตรร่วมใจพัฒนา เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ อาสากู้ภัยได้นำศพขึ้นมาบนฝั่ง จากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ระบุว่า ที่บริเวณศรีษะมีร่องรอยบาดแผลเหมือนถูกของแข็งกระแทก ข้อมือด้านขวามีสายเบ็ดตกปลามัดไว้ ตามร่างกายไม่พบบาดแผล มีเพียงร่องรอยแผลถลอกจากการจมน้ำนานหลายวัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน

               ด้าน ร.ต.อ.หญิงนงคราญ  หันจางสิทธิ์  รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ  กล่าวว่า ทราบชื่อผู้ตายคือ นายสันติ  อนุสรณ์คำนึง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ที่ 2 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย  มีนางกฤษณา  อนุสรณ์คำนึง อายุ 43 ปี บอกว่าตนเป็นภรรยาของเสียชีวิต และบอกว่านายสันติ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ในวันที่หายตัวไปได้บ่นว่าอยากตาย และมีอาการโมโหโวยวายให้กับครอบครัวเพราะหายาให้กินไม่ทันใจ ก่อนจะออกจากบ้านไปเมื่อคืนวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนและญาติๆ ได้พากันออกตามหาแต่ก็ไม่พบ จนกระทั้งมีคนโทรศัพท์แจ้งว่าพบศพคนจมน้ำ จึงรีบไปดูที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นศพก็รู้เป็นศพนายสันติสามีของตน ซึ่งได้หายไป และไม่ติดใจอะไรในการตายของสามี

                เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำร่างผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้งที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ก่อนอนุญาตให้ญาตินำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาอีกต่อไป.

พันธลภ แสงทอง ข่าว / อภิชาติ แสงรุ่ง ภาพ