วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

หนองคาย นรข.ร่วมปกครองอำเภอท่าบ่อ ตรวจสอบเรือลาวลักลอบดูดหินกรวดในเขตไทย GPS ชี้ชัด(มีคลิป)


หนองคาย  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่าบ่อ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ นรข.เขตหนองคาย ผู้นำท้องถิ่นออกตรวจสอบเรือดูดทรายลาวกลางแม่น้ำโขง พบรุกล้ำเข้ามาดูดทรายเขตไทย บริเวณหัวสันดอนต่ำดอนแตง


              วันนี้ 18 ก.พ. 61 เวลาประมาณ 10.30 น. นายธรรมพล  ไชยนาม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ร่วมกับ เรือโทสราวุฒิ  ศักดิ์นาวีอุ
ทัย รักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือศรีเชียงใหม่ นรข.เขตหนองคาย.นายแสงเพชร  โพธิรัตน์ กำนันตำบลโพนสา และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งพร้อมผู้สื่อข่าว ลงเรือออกตรวจสอบ เรือดูดทรายของประเทศลาว หลังจากชาวบ้านร้องเรียนผ่านสื่อและสื่อได้นำเสนอข่าวของปัญหาไปเมื่อวันที่ 17 ก.พ.61 ที่ผ่านมา ว่ามีผู้ประกอบการดูดทรายของประเทศลาว นำเรือดูดทราย 2 ลำ และเรือลำเลียง 4 ลำ มาทำการดูดทราย หินกรวด บริเวณหัวดอนต่ำดอนแตง ตรงข้ามกับบ้านท่ามะเฟือง ตำบลโพนสา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ซึ่งดอนต่ำดอนแตง เป็นสันดอนของไทย ทำให้ดอนที่เป็นพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหาย ทรุด ถูกน้ำโขงกัดเซาะ และร่องน้ำโขงเปลี่ยนทิศทาง  ส่งผลกระทบด้านความมั่นคงและระบบนิเวศในแม่น้ำ และทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดน จากการกระทำดังกล่าว นั้น
เจ้าหน้าที่นำโดย นายธรรมพล  ไชยนาม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ร่วมกับ เรือโทสราวุฒิ  ศักดิ์นาวีอุทัย รักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือศรีเชียงใหม่ นรข.เขตหนองคาย และเจ้าหน้าที่พร้อมผู้สื่อข่าว ได้ออกตรวจสอบบริเวณที่ได้รับการร้องเรียนพบเรือสัญชาติลาวได้วางทุ่นดูดหินกรวด-ทราย เข้ามาในเขตไทยและกำลังทำการดูดหินกรวด- ทราย จึงได้ให้ผู้ควบคุมเรือหยุดการเดินเครื่อง และทำการตรวจสอบทาง GPS ร่วมกับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรือ ปรากฏเรือลำดังกล่าวได้รุกล้ำเข้ามาลักลอบดูดหินกรวด- ทราย ในเขตไทยบริเวณหัวสันดอนต่ำ ดอนแตง ลึกเข้าไปประมาณ 20 กว่า เมตร  จากการสอบถามผู้ควบคุมเรือ บอกว่าตนเป็นลูกจ้างขับเรือควบคุมเรือและได้นำเรือออกมาจากฝั่ง ลาว เวลาประมาณ 04.00 น.ทุกวันเมื่อดูดหินกรวดเต็มลำเรือแล้วก็จะนำเรือกลับเข้าฝั่งเพื่อขนถ่ายหินกรวดลง และรอบนี้เป็นรอบที่สอง  ซึ่งรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเขตแดนนั้นตนไม่ทราบ เพียงทำตามคำสั่งนายจ้างเท่านั้น รอให้สอบถาม นายพงศธร /ออดี้ (ไม่ทราบนามสกุล)ซึ่งเป็นผู้ผู้บริหาร และนางกนกวรรณ (ไม่ทราบนามสกุล) พี่สาว นายออดี้ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเสมียนประจำบริษัท BL ซึ่งทั้งสองแจ้งว่าได้รับสัมปทานให้ดูดทรายฝั่ง ลาว  เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการก็ได้ตรวจสอบเขตร่วมกันในเบื้องต้นด้วยระบบ GPS ซึ่งนายออดี้ หรือพงศธร ยอมรับและยืนยันว่า เรือดูดทรายของตนได้เข้าไปดูดทรายในเขตไทยจริง  เนื่องจากฝั่งลาวไม่มีหินกรวด และพวกตนต้องการหินกรวดจำนวนมาก และเห็นว่าบริเวณบริเวณหัวสันดอนต่ำ ดอนแตง ของไทยนั้นมีหินกรวดมาก จึงได้ทิ้งทุ่นและนำเรือเข้ามาดูดดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ฝั่งลาวไม่ให้พวกตนเข้าไปดูดในเขตลาวเนื่องจากจะทำให้ตลิ่งฝั่งลาวทรุด พังได้รับความเสียหาย  จึงได้ลักลอบเข้ามาดูดในเขตไทย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวทั้งหมดมาทำความเข้าใจเบื้องต้นที่ฝั่งประเทศไทย โดยมีนายวิไล  สีหาปัญญา รองนายบ้านบ้านดอน เมืองหาดทรายฟอง กำแพงนครเวียงจันทน์ เดินทางมาร่วมรับฟังด้วย จากการเจรจาเบื้องต้นผู้ประกอบการดูดทรายลาว ยอมรับว่าได้ลักลอบเข้ามาดูดในเขตไทยจริง เจ้าหน้าที่ไทยได้ชี้แจงทำความเข้าใจและให้ถอนสมอเรือให้นำเรือออกจากเขตไทย และเป็นการตักเตือนในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง  และไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากพบการกระทำผิดอีก  ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ซึ่งผู้ประกอบการลาวพอใจ และยอมรับพร้อมให้เรือถอยออกจากเขตไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการไปนำเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นต่อผู้นำท้องถิ่นของฝั่ง ลาว เพื่อให้มาประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยในการหาแนวทางแก้ไขร่วมกันเพื่อป้องกันการเกิดความขัดแย้งและอาจเกิดการเข้าใจผิดต่อกันทั้งสองฝ่าย ผู้ประกอบการรับว่าจะได้ไปนำเรียนทางผู้นำท้องถิ่นฝั่งลาวต่อไป จากนั้นผู้ประกอบการลาวได้เดินทางกลับ
จากการติดตามของผู้สื่อข่าวทราบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นปัญหาหาเรื้อรังมานานที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งส่งผลให้หัวดอนสันดอนของไทยบริเวณดังกล่าว เกิดการทรุดตัว ได้รับความเสียหาย จากการยืนยันของประชาชนว่า พวกตนไม่ทราบจะพึ่งใครได้ ร้องเรียนมาก็หลายครั้ง ก็ยังเห็นเหมือนเดิม ต้องมาพึ่งสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางในการสะท้อนปัญหาในท้องถิ่นเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบปัญหาที่แท้จริง เพื่อลดความหวาดระแวง และหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันของพี่น้องทั้งสองฝั่ง  ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
ทีมข่าวหนองคาย

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น