จากการสอบถามคนขับรถบรรทุกน้ำมัน
ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 61 ได้นำรถไปรับน้ำมันจำนวน 9 คัน
รับน้ำมันจากคลังน้ำมันแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีราชาฯ จากนั้นได้มีชายชื่อ ตุ๊ก บอกให้ขับรถไปที่จังหวัดหนองคาย
เมื่อขับรถออกจากคลังน้ำมันและจะมีคนมารับรถต่อแล้วนำรถไปถ่ายน้ำมันแล้วขับรถไปส่งที่บริเวณใต้สะพานลอยบายพาสจอหอ
อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสี จากนั้นจึงขับต่อไปยังจังหวัดหนองคาย มาถึงประมาณช่วงเที่ยงวันที่ 7 มี.ค. 61 โดยได้ค่าจ้าง 5,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้มาตรวจสอบซีลผาถังและก็เซ็นใบปล่อยรถ
ซึ่งเอกสารที่สำแดงนั้นจะเป็นสีเขียว เพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเซ็นปล่อยแล้ว
ศุลกากรก็ปล่อยรถออกไปตามระเบียบเนื่องจากมีการเซ็นกำกับถูกต้อง แต่เมื่อไปถึงด่าน
สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ ภาษี มาตรวจสอบกับพบว่าน้ำมันได้หายไปจำนวนมากมีเพียง 3 คัน ที่มันน้ำมันตรงตามเอกสารที่แจ้ง
จากรถขนส่งน้ำมัน 9 คัน ทั้งนี้ศุลกากรหนองคายเคยจับกุมมาแล้วเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เป็นการจับซ้ำ และจำนวนมากการกระทำดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ของแผ่นดิน กว่า 12 ล้านบาท
จากรถขนส่งน้ำมัน 9 คัน ทั้งนี้ศุลกากรหนองคายเคยจับกุมมาแล้วเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เป็นการจับซ้ำ และจำนวนมากการกระทำดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ของแผ่นดิน กว่า 12 ล้านบาท
นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 กล่าวว่า
การจับกุมน้ำมันที่สำแดงเท็จในการส่งออกที่สำแดงไว้นั้น จำนวน 245,000ลิตร แต่ส่งออกจริง 46,000ลิตร ทำให้น้ำมันขาดหายไปกว่า 200,000 ลิตร ทำให้รัฐเสียประโยชน์จากการที่ต้องยกเว้นภาษี
และการขอคืนภาษีสรรพสามิตซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายด้านภาษีสรรพสามิตรวมมูลค่ากว่า
12 ล้านบาท และมีการสำแดงเป็นน้ำมันเบนซิน
แต่กลายเป็นน้ำมันดีเชล ซึ่งรถบรรทุกน้ำมันมีอยู่5 ช่อง
น้ำมันหายไป 4 ช่อง เหลือน้ำมันอยู่ 1
ช่อง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินหายไปเกือบหมด จากหลักแสนลิตรเหลือเพียงหลักพันลิตรเท่านั้น
ในการปราบปรามการทุจริตในการส่งออกนั้น ซึ่งกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต
ได้ทำตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ส่วนพวกที่ทำการทุจริต แสวงหาผลประโยชน์โดยการโกงภาษีรัฐ
ด้วยวิธีการขอยกเว้นภาษี หรือขอคืนภาษีนั้น ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาล เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถบรรทุกน้ำมันทั้ง
6 คัน พร้อมน้ำมันดีเชลของกลาง ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 และ พ.ร.บ.สรรพสามิต 2560
เพื่อดำเนินการต่อไป
ด้านนายนิมิต แสงอำไพ
นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ได้รับการประสานงานจาก
เจ้าหน้าที่สรรพสามิต จากส่วนกลาง ให้ตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 6 คัน ดังกล่าว
สงสัยว่าจะมีการสำแดงเอกสารเท็จ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบและประสานไปยัง
เจ้าหน้าที่ ภาษีลาว ให้ช่วยตรวจสอบและพบการกระทำความผิดดังกล่าว
ส่วน นางสาวชวนชื่น เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4 กล่าวว่า
ซึ่งสรรพสามิต ได้ตั้งข้อหา
ขายโดยไม่มีสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมายซึ่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี มาตรา 204 จากนั้นจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
จากนั้นจะได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ทีมข่าวหนองคาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น