วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

หนองคาย ศุลกากรร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง จับขบวนการสำแดงเท็จส่งน้ำมันข้ามชาติ รัฐสูญเสียรายได้กว่า 12 ล้านบาท



           
            หนองคาย  ศุลกากรหนองคายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สรรพสามิตจับกุม ขบวนการลักลอบขนน้ำมัน 6  คัน ทำรัฐสูญเสียรายได้ กว่า 12 ล้านบาท หลังจากได้รับประสานจากภาษีลาว
             วันที่  8 มีนาคม 2561 ที่ บริเวณลานรวมรถสินค้าด่านศุลกากรหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย นายกฤษฎา  ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ,นายนิมิต  แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย ,นางสาวชวนชื่น  เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4,เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบป้องกันปราบปรามกรมสรรพสามิต, ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง, ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้าน้ำมันข้ามชาติเพื่อขอยกเว้นภาษี หรือขอคืนภาษีสรรพสามิต หลังจากวันที่ 7 มี.ค.61  เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้รับประสานจากเจ้าหน้าที่ภาษีลาว ว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นตรวจสอบความถูกต้องและวัดระดับน้ำมันในถังพบข้อสงสัยของรถขนส่งน้ำมันจำนวน 6 คัน น้ำมันได้หายไปจำนวนมากซึ่งไม่ตรงกับเอกสารที่นำไปแจ้งกับทางภาษีลาว  จากรถทั้งหมด 9 คัน  และ 3 คัน ที่สำแดงเอกสารถูกต้อง จากนั้นจึงได้ประสานไปยังศุลกากรหนองคาย เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ร่วมกันข้ามไปตรวจสอบ ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพลาว - ไทย รับรถบรรทุกน้ำมันพร้อมคนขับจาก สปป.ลาว และนำตัวกลับมายังฝั่งไทย ทราบชื่อคือ นายชาตรี  สมมาตร  อายุ 37 ปี  อยู่ที่ 158 หมู่ 10 ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ,นายเดชา  คชรักษ์  อายุ 49 ปี  อยู่ที่191 หมู่ 6 ตำบลโชคชัย  อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ,นายพลอย  ศักดิ์เต็ม อายุ 40 ปี อยู่ที่ 7/2 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองลาน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ,นายสามรรถ   ภาสวัสดิ์ ,นายสำเร็จ  บุญหลัก  อายุ 46 ปี อยู่ที่ 16 หมู่ที่ 16 ตำบลย่อ อำเภอคำเขือนแก้ว จังหวัดยโสธร และ นายทองดี  ศรศักดา  อายุ 42 ปี อยู่ที่  58 หมู่ที่ 12 ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี

             จากการสอบถามคนขับรถบรรทุกน้ำมัน ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 61 ได้นำรถไปรับน้ำมันจำนวน 9 คัน รับน้ำมันจากคลังน้ำมันแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีราชาฯ จากนั้นได้มีชายชื่อ ตุ๊ก บอกให้ขับรถไปที่จังหวัดหนองคาย เมื่อขับรถออกจากคลังน้ำมันและจะมีคนมารับรถต่อแล้วนำรถไปถ่ายน้ำมันแล้วขับรถไปส่งที่บริเวณใต้สะพานลอยบายพาสจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสี จากนั้นจึงขับต่อไปยังจังหวัดหนองคาย  มาถึงประมาณช่วงเที่ยงวันที่ 7 มี.ค. 61 โดยได้ค่าจ้าง 5,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้มาตรวจสอบซีลผาถังและก็เซ็นใบปล่อยรถ ซึ่งเอกสารที่สำแดงนั้นจะเป็นสีเขียว เพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเซ็นปล่อยแล้ว ศุลกากรก็ปล่อยรถออกไปตามระเบียบเนื่องจากมีการเซ็นกำกับถูกต้อง แต่เมื่อไปถึงด่าน สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ ภาษี มาตรวจสอบกับพบว่าน้ำมันได้หายไปจำนวนมากมีเพียง 3 คัน ที่มันน้ำมันตรงตามเอกสารที่แจ้ง
จากรถขนส่งน้ำมัน  9 คัน    ทั้งนี้ศุลกากรหนองคายเคยจับกุมมาแล้วเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เป็นการจับซ้ำ และจำนวนมากการกระทำดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ของแผ่นดิน        กว่า 12 ล้านบาท

          นายกฤษฎา  ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 กล่าวว่า การจับกุมน้ำมันที่สำแดงเท็จในการส่งออกที่สำแดงไว้นั้น จำนวน 245,000ลิตร แต่ส่งออกจริง 46,000ลิตร ทำให้น้ำมันขาดหายไปกว่า 200,000 ลิตร ทำให้รัฐเสียประโยชน์จากการที่ต้องยกเว้นภาษี และการขอคืนภาษีสรรพสามิตซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายด้านภาษีสรรพสามิตรวมมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท  และมีการสำแดงเป็นน้ำมันเบนซิน แต่กลายเป็นน้ำมันดีเชล ซึ่งรถบรรทุกน้ำมันมีอยู่5 ช่อง น้ำมันหายไป 4 ช่อง เหลือน้ำมันอยู่ 1 ช่อง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินหายไปเกือบหมด จากหลักแสนลิตรเหลือเพียงหลักพันลิตรเท่านั้น ในการปราบปรามการทุจริตในการส่งออกนั้น ซึ่งกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ได้ทำตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัด  ส่วนพวกที่ทำการทุจริต แสวงหาผลประโยชน์โดยการโกงภาษีรัฐ ด้วยวิธีการขอยกเว้นภาษี หรือขอคืนภาษีนั้น ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาล  เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถบรรทุกน้ำมันทั้ง 6 คัน พร้อมน้ำมันดีเชลของกลาง ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 และ พ.ร.บ.สรรพสามิต 2560  เพื่อดำเนินการต่อไป

               ด้านนายนิมิต  แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ได้รับการประสานงานจาก เจ้าหน้าที่สรรพสามิต จากส่วนกลาง ให้ตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 6 คัน  ดังกล่าว สงสัยว่าจะมีการสำแดงเอกสารเท็จ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบและประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ ภาษีลาว ให้ช่วยตรวจสอบและพบการกระทำความผิดดังกล่าว
                ส่วน นางสาวชวนชื่น  เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4  กล่าวว่า ซึ่งสรรพสามิต ได้ตั้งข้อหา ขายโดยไม่มีสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมายซึ่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี มาตรา 204  จากนั้นจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
                 จากนั้นจะได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ทีมข่าวหนองคาย







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น