กาฬสินธุ์ พบอาชีพใหม่ทำเงินสองสามีภรรยาชาวอำเภอยางตลาด
จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้เวลาว่างฤดูแล้ง
หาเก็บลำต้นมันสำปะหลังมาเข้าเครื่องบดละเอียด ผึ่งแดดให้แห้ง ขายส่งฟาร์มเลี้ยงโค
ประสบความสำเร็จ สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ต่างจังหวัดเห็นคุณค่า เข้ามาสั่งซื้อแล้วกว่า
50
ตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นอาชีพที่มีอนาคต
แต่ติดขัดที่กำลังผลิตไม่เพียงพอ
ที่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 9 ต.เว่อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายบัวศรี หินสิลา อายุ 55 ปี และนางทองใส หินสิลา อายุ 45 ปี 2 สามีภรรยา ชาวบ้านศรีสำราญ ได้ใช้บริเวณหน้าบ้าน
ประมาณ 2
งาน เป็นสถานที่ผลิตอาหารสัตว์จากลำต้นและใบมันสำปะหลังสำหรับเลี้ยงโค
โดยมีเพียงเครื่องบด ที่ปรับแต่งจากภูมิปัญญา และผ้าพลาสติกสำหรับปูเป็นลานผึ่งแดด
เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ โดยระบุว่าทำกันมาเป็นปีที่สอง
และมียอดสั่งซื้อเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
นายบัวศรี กล่าวว่า เริ่มหาเก็บลำต้นมันสำปะหลังซึ่งเป็นลำต้นสด
มีใบติดมาด้วย มาเข้าเครื่องบดให้ละเอียด และตากให้แห้ง
เพื่อจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์ประเภทโค กระบือ ทั้งนี้ ได้วิธีการผลิตมาจากญาติที่
จ.อุดรธานี ลงทุนซื้อเครื่องมือสองประมาณ 3
หมื่นบาท มาดัดแปลงเป็นเครื่องบด และทำการประยุกต์มาเรื่อยๆ
จนสามารถใช้งานได้ดีถึงวันนี้
นายบัวศรีกล่าวอีกว่า
ทีแรกใช้เวลาว่างในฤดูแล้งทำกันสองคนผัวเมีย
หาเก็บลำต้นมันสำปะหลังที่เพื่อนบ้านเค้าเก็บหัวมันฯจากไร่แล้วมาเข้าเครื่องบด
พอเห็นว่าไปได้ดี ก็ปลูกที่ตัวเองบ้างในพื้นที่ 2 ไร่ ทำไปทำมายอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก
มีหลายช่วงที่วัตถุดิบไม่เพียงพอ
ก็ต้องตระเวนหารับซื้อจากเพื่อนบ้านต่างหมู่บ้านต่างตำบลบ้าง
โดยการผลิตครั้งหนึ่งๆ จะใช้เวลา 3
วัน คือวันแรกจะตระเวนหาเก็บลำต้นมันสำปะหลัง วันต่อมาก็ทำการบดและตากแห้ง
วันที่สามตากอีกหนึ่งวัน ก็บรรจุกระสอบส่งลูกค้า ซึ่งจะได้ครั้งละประมาณ 15 กระสอบๆละ 15 ก.ก. จำหน่าย ก.ก.ละ 7 บาท หรือจำหน่ายกระสอบละ 105 บาท
เฉลี่ยในรอบ 1
เดือน ผลิตและนำส่ง 10
เที่ยว มีรายได้เดือนละประมาณ 15,700
บาท ซึ่งนับว่ารายได้ดี สำหรับชาวบ้านธรรมดาอย่างเรา ทั้งนี้
ตลาดรองรับผลผลิตลำมันสำปะหลังบดแห้ง คือฟาร์มเลี้ยงโคในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และ
จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ เพิ่มเนื้อ เพิ่มน้ำหนัก บำรุงน้ำนม
ทำให้ขน ผิวหนังสะอาด เกลี้ยงเกลา
ด้านนางทองใส หินศิลา กล่าวว่า
จากการที่ตนกับสามี ยึดอาชีพบดลำต้นและใบมันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์ และได้รับความนิยมดังกล่าว
ทำให้สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ให้ความสนใจ
เข้ามาแนะนำสูตรใหม่
โดยให้เพิ่มการบดหัวมันสำปะหลังผสมกับลำต้นและใบมันสำปะหลังด้วย
เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าอาหาร จาก ก.ก.ละ 7
บาท เป็น ก.ก.ละ 10
บาท โดยการบดแล้วหมัก มีออร์เดอร์เที่ยวแรก 10
ตัน ก่อนที่จะเพิ่มอีก 30
ตัน และมีแนวโน้มจะสั่งเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่มีฟาร์มเอกชนรายย่อยก็เข้ามาสั่งซื้อสูตรส่วนผสมนี้
ทำให้มียอดรวมเฉพาะการบดหมักเข้ากับหัวมันสำปะหลังประมาณ 50 ตัน
ขณะที่บดสูตรเดิมคือบดเฉพาะลำต้นและใบ ก็มีเพิ่มมาเรื่อยๆ จนผลิตไม่ทัน
นางทองใสกล่าวอีกว่า
อาชีพบดลำต้นมันสำปะหลัง ผสมกับใบและหัวมันสำปะหลัง
หรือผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์จากมันสำปะหลัง จึงเป็นอาชีพที่ตนกับสามียึดเป็นอาชีพหลัก
และเชื่อว่าจะมีอนาคต เนื่องจากมียอดสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ
แต่ปัญหาคือกำลังการผลิตไม่เพียงพอ และบางช่วงหาวัตถุดิบไม่ทัน อย่างไรก็ตาม
ก็ยังไม่คิดจะขยายกิจการ เพราะจะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก
เราทำกันสองแรงแค่นี้แบบเพียงพอ ก็มีความสุข เลี้ยงตัวเองได้ สบายใจ
ไม่ต้องสี่ยงกับปัญหาการขาดทุน ทั้งนี้ ได้ขอยื่นจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน
กับสำนักงานเกษตร อ.ยางตลาดแล้ว เพื่อการันตีคุณภาพและหลักประกันจากภาครัฐ
ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม -ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น