กาฬสินธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุพระธาตุสามหุนพังถล่ม
พบไม่ขออนุญาต การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีวิศวกรคุมงานรองรับความปลอดภัยจนพังถล่มลงมา
สั่งตรวจสอบการก่อสร้างทุกวัดทั้ง18อำเภอ
ความคืบหน้าเหตุการณ์พระธาตุสามหุนภายในวัดป่ากุดหว้า
ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างต่อเติมเกิดการทรุดตัวและถล่มลงมา
ทำให้คนงานก่อสร้างเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 4 ราย
ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุที่พังถล่มลงมานั้นน่าจะเป็นการทำผิดผี
เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีควันพุ่งขึ้นมาบนหัวพระธาตุ ก่อนจะถล่มทับคนงาน
โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าอาจเป็นการสร้างผิดแบบและไม่มีวิศวกรรับรองความปลอดภัยจนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ นายธนูสินธ์ุ
ไชยสิริ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ นายอำเภอกุฉินารายณ์ นายวิชาญ
แท่นหิน หน.สนง.ปภ.กาฬสินธุ์ นายโสภณ เจริญพร หน.สนง.ปภ.กาฬสินธุ์ สาขากุฉินารายณ์
นายวีระชัย แก้วหาวงษ์ โยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์
พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้นำท้องถิ่นลงพื้นที่เข้าตรวจสอบการต่อเติมอาคารและหลังคาครอบองค์พระธาตุสามหุนภายในวัดป่ากุดหว้าท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวที่ต่างทยอยเดินทางมาดูซากปรักหักพัง
โดยเฉพาะยอดพระธาตุที่ถูกผนังปูนหล่นทับจนหัก
ซึ่งชาวบ้านรู้สึกเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากพระธาตุสามหนนั้นเป็นพระธาตุเก่าแก่อายุมากกว่า100ปีและถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่และใกล้เคียงเคารพกราบไหว้บูชามาช้านาน
และหลายคนยังชื่อว่าการก่อสร้างเป็นการทำผิดผี
มีผู้ทำสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นจึงทำให้พระธาตุพังถล่ม
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า
การก่อสร้างครั้งนี้เป็นการต่อเติมปฏิสังขรณ์
โดยการสร้างอาคารด้านข้างเป็นพนังปูนรูปทรงสามเหลี่ยมรอบพระธาตุและก่อสร้างหลังคาครอบยอดองค์พระธาตุทรงระฆังคว่ำ
ซึ่งเริ่มก่อสร้างปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่ปี2557
มีการจ้างผู้รับเหมาจากจ.สุรินทร์และคนงานจากจ.นครราชสีมา
แต่เป็นการก่อสร้างเป็นช่วงๆคือหากมีเงินก็จะจ้างผู้รับเหมามาดำเนินการสร้างต่อ
โดยลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบทำครอบขึ้นให้สูงถึง
39 เมตร แต่มาถึงระดับความสูงที่ 29 เมตร มีเสาค้ำยันกว่า 20
ต้นก่ออิฐรอบเกิดการพังถล่มมา
คาดว่าเสาที่ใช้ค้ำยันนั้นมีขนาดเล็กไม่สามารถรับน้ำหนักผนังปูนรวมทั้งตัวโครงสร้างอาคารได้
นายไกรสร
กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะเสาที่ใช้ค้ำยันรับน้ำหนักมีขนาดเล็ก
ผนังปูนรอบข้างมีการเชื่อมต่อเหล็กที่บริเวณจุดที่ไม่เหมาะสมทำให้เสาที่ใช้รับน้ำหนักไม่สามารถรับส่วนบนที่เป็นหลังคาได้
อีกทั้งน้ำหนักอาคารทั้งหมดไปอยู่ที่เสาตรงกลางต้นเดียว จึงทำให้เสาเกิดการแตกหัก
ผนังปูแลโครงสร้างอาคารจึงพังถล่มลงมาทับพระธาตุและคนงาน
นอกจากนี้จากการตรวจสอบการก่อสร้างยังพบว่าทางเจ้าของอาคารหรือทางวัดไม่ได้ขออนุญาตการก่อสร้าง
ตามพ.รบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
แบบแปลนที่ใช้ในการก่อสร้างไม่มีวิศวกรโยธาเซ็นรับรองแบบและไม่มีรายการการคำนวนการรับน้ำหนักของโครงสร้าง
การก่อสร้างไม่มีวิศวกรโยธาหรือนายช่างโยธาที่มีความรู้เป็นผู้ควบคุมงาน
อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการหรือถอนตัวอาคารที่พังถล่มให้แล้วเสร็จภายใน
2 สัปดาห์ส่วนองค์พระธาตุสามหุนที่พังและชำรุดก็จะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซมบูรณะต่อไป
ทั้งนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอ
ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจวัดทุกแห่งทั่วจังหวัดว่าขณะนี้มีการก่อสร้างที่ใดบ้างเพื่อที่จะนำเจ้าหน้าที่วิศวกรของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเข้าไปดูแลและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
ขณะที่ร.ต.อ.โสภณ
บัวคำโคตร ร้อยเวร สภ.กุฉินารายณ์ เจ้าของคดี กล่าวว่า
ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำพยานแวดล้อม
รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ได้แจ้งแจ้งข้อกับใคร
เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
ทั้งนี้เบื้องต้นหากสอบปากคำและรวมรวมพยานหลักฐานเสร็จน่าจะสามารถแจ้งข้อหาร่วมกันประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับผู้รับเหมา
ส่วนทางคณะกรรมการวัดและเจ้าอาวาสนั้นจะต้องสอบสวนอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและสามารถแจ้งข้อหาได้หรือไม่
ด้านนายปิ่น
เงางาม อายุ 54 ปี ผู้รับเหมา กล่าวว่า ตนรับงานก่อสร้างต่อเติมมาตั้งแต่ปี2557
ซึ่งเริ่มทำครั้งแรก และครั้งที่ 2 ทำในปี 2558 และครั้งที่ 3
คือครั้งนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 ซึ่งการก่อสร้างคืบหน้ากว่า 80 % แล้ว
และในวันเกิดเหตุมีคนงานจำนวน 12 คน
และเด็กเล็กลูกคนงานวิ่งเล่นอยู่บริเวณก่อสร้างอีก2คน
โดยในช่วงเช้าตนได้สั่งให้คนงานเก็บทำความสะอาด
เพื่อเตรียมส่งงานและเบิกเงินค่าแรง จากนั้นได้เดินไปหาคณะกรรมการวัดไม่นานกลับมาก็เห็นสภาพพระธาตุถล่มลงมาแล้ว
ซึ่งตนและคนงานที่เหลือรีบช่วยนำร่างผู้บาดเจ็บออกแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจอยากมา
เพราะคนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตก็เป็นคนงานที่ตนรัก
ด้านนางนิลนวล
ปัตตานา 66ปี ชาวบ้านกุดหว้า กล่าวว่า ตนและชาวบ้านรู้สุกเสียใจและเสียดายอย่างมาก
เพราะพระธาตุแห่งนี้ชาวบ้านเคารพบูชากราบไหว้มาช้านานแล้ว
ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าคนงานก่อสร้างน่าจะทำอะไรบ้างอย่างที่ผิดผี
โดยเฉพาะการไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไม่ปฏิบัติตามประเพณีธรรมของชาวผู้ไทย
ประกอบกับเชื่อว่าองค์พระธาตุคงไม่อยากให้มีอะไรครอบบนหัวจึงเกิดการพังทลายลงมา
ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม -ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น