กาฬสินธุ์ - คณะกรรมตรวจสอบทุจริตโครงการ
9101
ฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมตรวจพบการจัดส่งพันธุ์ปลา-หัวอาหารในพื้นที่อำเภอกุฉินารายณ์ผิดสเปก
รวมเกษตรกรทำเป็นกลุ่มใหญ่ ขาดการประชาคมชาวบ้านมีส่วนร่วมส่อทุจริต
เล็งสอบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวนำผู้รับเหมาเข้ามาจัดส่งปัจจัยการผลิตรายเดียวทั้งอำเภอกว่า
23 ล้านบาท
จากกรณีชาวบ้านพบความผิดปกติการซื้อปัจจัยการผลิตโครงการ
9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในหลายพื้นที่ของ
จ.กาฬสินธุ์ราคาสูงกว่าท้องตลาด โดยเฉพาะ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด และ อ.นาคู
อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง เขาวง และ
อ.สมเด็จ เนื่องจากมีการจัดซื้อปัจจัยการผลิตราคาแพงกว่าท้องตลาด จนชาวบ้านต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องทุกข์กับพล.อ.ประยุทธ
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมเรียกร้องให้ตรวจสอบ
ล่าสุด พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.
กาฬสินธุ์ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตโครงการ 9101
ฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่
กอ.รมน.กาฬสินธุ์ลงพื้นที่ตรวจสอบพันธุ์ปลาดุกของชาวบ้านมะนาว ต.เหล่าใหญ่
อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์หลัง
ชาวบ้านประสบความเดือดร้อนจากปัญหาที่ได้รับพันธุ์ปลาดุกในโครงการ 9101
ฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมตายจำนวนมาก เนื่องจากพันธุ์ปลาดุกที่นำมาแจกจ่ายมีขนาดเล็กและหัวอาหารผิดประเภท
โดยจากการตรวจสอบยังพบว่าลูกพันธุ์ปลาดุกที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชังยังคงทยอยตายอย่างต่อเนื่อง
เพราะพันธุ์ปลานั้นมีขนาดเล็ก บางรายปลาตายแบบยกกระชังและปล่อยทิ้งร้าง
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
จากนั้น
พ.อ.มานพ
พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการแจกจ่ายพันธุ์ปลานิลและปลาตะเพียนรวมทั้งหัวอาหารของชาวบ้านผู้
ประสบภัยน้ำท่วมบ้านบุ่งคล้า ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์
หลังจากชาวบ้านได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกุฉินารายณ์ว่าได้รับพันธุ์ปลาผิดประเภท
ผิดสเปก เนื่องจากมีการขอพันธุ์ปลาหมอเทศกับปลานิล
แต่กลับได้รับพันธุ์ปลานิลกับปลาตะเพียนแทน ซึ่งมีขนาดเล็กและหัวอาหาร
ผิดประเภทไม่คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับการช่วยเหลือรายละ 5,000 บาท
อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการก็ไม่ได้ให้กลุ่มเกษตรผู้เลี้ยงปลาบ้านบุ่งคล้าจัดซื้อปัจจัยการผลิตด้วยตนเอง
แต่กลับนำไปรวมหมู่บ้านอื่นๆแล้วจัดตั้งคณะกรรรมการ
ขึ้นมาบริหารจัดการแล้วนำพันธุ์ปลาที่ผิดประเภทผิดขนาดมาให้โดยไม่มีการจัดทำเวทีประชาคมกับชาวบ้าน
พ.อ.มานพ
ไขขุนทด รอง ผอ.รมน. กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพันธุ์ลูกปลาดุกที่บ้านมะนาว
ต.เหล่าใหญ่นั้นพบว่าเป็นปลาที่ผสมกัน โดยชาวบ้านเลี้ยงมานานกว่า 1 เดือนแล้ว
แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีขนาดเล็กประมาณ 3-4 ซม.และบางส่วนขนาด 5-6
ซม.ซึ่งเป็นการจัดส่งผิดกับสเปคที่มีการกำหนดไว้ ตั้งแต่เริ่มต้นขนาด 5-7 เซนติเมตร
ในราคาตัว ละ 2 บาท ซึ่งแต่ละรายเฉลี่ยได้รับแจกจ่ายรายละประมาณ 800
ตัวส่วนหัวอาหารชาวบ้านได้รับคนละ 2 กระสอบ จัดซื้อกระสอบละ 600
บาทแต่เป็นหัวอาหารปลาเม็ดใหญ่ โปรตีน25%
สำหรับปลาโตซึ่งเป็นตัวหารผิดประเภทนอกจากนี้ยังได้รับ
กระชังอีกคนละสองชุดในราคาชุดล่ะ 1000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงเกินจริง
พ.อ.มานพ
กล่าวต่อว่า
สำหรับพื้นที่บ้านบุ่งคล้าจากการตรวจสอบพบว่าชาวบ้านขอพันธุ์ปลาหมอเทศและปลานิล
ซึ่งจะนำ ไปเลี้ยงในบ่อดินแต่กลับได้รับการแจกจ่ายเป็น
พันธุ์ปลานิลกับปลาตะเพียนและมีขนาดเล็กส่วนหัวอาหาร ได้คนละ4 กระสอบ แต่เป็นอาหารประเภทเช่นกัน
เนื่องจากเป็นอาหารเม็ดใหญ่ รวมทั้ง
ความผิดปกติที่มีการตั้งกลุ่มเกษตรเป็นกลุ่มใหญ่ที่รวมเอาทุกหมู่บ้านรวมเป็นกลุ่มเดียว
และมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาเข้ามาบริหารจัดการและตั้งคณะกรรมการระดับชุมชนเป็นผู้ดูแล
โดยที่ไม่ให้ชาวบ้านเป็นผู้ตัดสินใจ และได้รับปัจจัยการผลิตไม่เหมาะสม
จึงทำให้ชาวบ้านเข้าไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำธรรมอำเภอกุฉินารายณ์โดยทั้งแห่งนี้จากการเข้าตรวจสอบเบื้องต้นเป็นการส่งของผิดสเปกและผิดขนาด
ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ากรรมการตรวจรับได้อย่างไร และสาเหตุใดที่จัดซื้อในราคาแพง
พ.อ.มานพ กล่าวอีกว่า
ในส่วนของกรณีที่มีบริษัทรับเหมาจัดส่งปัจจัยการผลิตเพียงรายเดียวทั้ง 39 โครงการ
งบประมาณกว่า 23 ล้านบาท
และมีบริษัทยื่นเรื่องเข้ามาเป็นคู่แข่งรายเดียวเช่นกันนั้นเป็นเรื่องผิดปกติจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารว่าสาเหตุใดจึงต้องมีการจัดส่งเพียงรายเดียว
มีการจัดเตรียมกันไว้โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้นำพาบริษัทรับเหมาเข้ามาจัดส่งปัจจัยการผลิตทั้งหมดหรือไม่
และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งจะต้องทำการสอบ
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทาง กอ.รมน.กาฬสินธุ์จะประสานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบและอำเภอกุฉินารายณ์เร่งเข้ามาเยียวยาและชดเชย
ให้กับชาวบ้านโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไป
ด้าน
น.ส.ธนัชพร บรรเทา อายุ 39 ปี ชาวบ้านบุ่งคล้า ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
กล่าวว่า เริ่มต้นโครงการชาวบ้านบุ่งคล้า
ได้เสนอขอพันธุ์ปลาหมอเทศและพันธ์ปลานิลมาเลี้ยงในบ่อดิน
จากนั้นเจ้าหน้าที่เกษตรได้ให้กลุ่มผู้เลี้ยงปลาบ้านบุ่งคล้าตั้งคณะกรรมการ
โดยจะต้องมีประธาน มีคณะกรรมการ มีเลขา มีเหรัญญิก อย่างน้อย 10 คนไว้รอ
ซึ่งพอตั้งเสร็จก็เงียบหายไป กระทั่งอยู่ๆก็นำพันธุ์ปลานิล
กลับปลาตะเพียนมาให้พร้อมอาหารซึ่งผิดประเภทและสเปก
โดยขณะนั้นชาวบ้านไม่ยอมรับเหมือนกับถูกบีบบังคับจนต้องทำใจรับ
จึงได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกุฉินารายณ์
เพราะเห็นว่านอกจากปัจจัยการผลิตที่นำมาให้เกษตรกรไม่เหมาะสมกับราคาเงิน 5,000
บาทแล้วยังมีความผิดปกติตรงที่มีการรวมเอาชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆไปไว้ในกลุ่มเดียวกันจำนวนมากกว่า
226 คน ซึ่งทำเป็นกลุ่มใหญ่โดยมีคณะกรรมการ
กลุ่มและมีคณะกรรมการชุมชนบริหารจัดการไม่ปล่อย ให้ชาวบ้าน
ที่ประสบภัยรวมกลุ่มกันทำเองจึงถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตำบลที่เป็นเหมือนกัน
เพราะมีการรวมกลุ่มหมู่บ้านไว้หลายร้อยคนเป็นกลุ่มเดียว
ซึ่งชาวบ้านอยากเรียกร้องให้หน่วยงานด้านการตรวจสอบปปท.เขต 4 ขอนแก่น
และสตง.เข้ามาตรวจสอบร่วมกับคณะกรรมการของจังหวัดเพราะทราบว่างบประมาณในพื้นที่อำเภอกุฉินารายณ์มีจำนวนมากถึง
23 ล้านบาท
นายยุทธนา
เกียรติดำเนินงาม -ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น