ทกจ.บึงกาฬนำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวสำรวจเส้นทางท่องเที่ยว
ททท.ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ นำคณะผู้ประกอบการเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากภาคกลาง
เดินทางมาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท่องเที่ยวและกีฬา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ร่วมกับ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ
ได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ
ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ 17-20 มกราคม 2561 โดยได้นำผู้ประกอบการเครือขายด้านการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากภาคกลาง
จำนวน 50 คน ร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬและอุดรธานี
โดยคณะได้เดินทางจากกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 ถึงที่พักจังหวัดหนองคาย เช้าวันที่ 18 มกราคม 2561
คณะได้เดินทางออกจากจังหวัดหนองคายมุ่งสู่จังหวัดบึงกาฬ
แวะชมผลิตภัณฑ์กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ โดยมีนางบำเพ็ญพร
สุริยกมล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬได้ให้การต้อนรับ และนำคณะชมขั้นตอนการผลิตผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ
ที่ได้นำภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใช้สีจากวัสดุธรรมชาติมาแทนการใช้สารเคมี เช่น เปลือกของต้นหมากค้อเขียว
ชมพู่มะเหมี่ยว และต้นราชพฤกษ์มาเป็นส่วนผสมในการย้อมผ้า และหมักโคลนจากแม่น้ำโขง
ทำให้ผ้าที่ผลิตนุ่มและทิ้งตัว สีสันสวยงามโดดเด่น
จากนั้น คณะเดินทางไปชม
“สะดือแม่น้ำโขง” ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดในแม่น้ำโขง
ที่ “วัดอาฮงศิลาวาส” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตำบลไคสี
อำเภอเมืองบึงกาฬ เป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธคุวานันท์ศาสดา ลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อใหญ่ที่วัดโพธาราม
พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวบึงกาฬ
และชมเรือกลไฟโบราณ ที่จมอยู่ใต้แม่น้ำโขงมานานกว่า 70 ปี ชาวบ้านได้นำขึ้นมาเก็บรักษาไว้
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม และเข้าชมกิจกรรมงานวันยางพาราบึงกาฬ
สนับสนุนผลิตภัณฑ์หมอนยางพาราคุณภาพดีราคาถูก ก่อนเดินทางเข้าที่พัก
เช้าวันที่ 19 มกราคม 2561 คณะได้เดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูสิงห์
ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา
ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู ซึ่งในพื้นที่มีหินรูปทรงต่าง ๆ เช่น หินสามวาฬ
มีลักษณะคล้ายปลาวาฬ 3 ตัว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ จากนั้น เดินทางไปที่ภูทอก
เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ วัดภูทอก บ้านคำแคน อำเภอศรีวิไล ซึ่งจุดเด่นของภูทอกมีสะพานไม้และบันไดไม้
รอบภูทอกมีทั้งหมด 7 ชั้น สามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ
และยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ
สำหรับภูทอกเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบึงกาฬ
บันไดสู่ยอดภูทอก เปรียบเสมือนเส้นทางธรรม ที่น้อมนำสัตบุรุษ
ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่งการหลุดพ้นด้วย ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น
ปัจจุบันมีหลวงตาแยง สุขกาโม
เป็นเจ้าอาวาส
จากนั้น
คณะเดินทางไปที่หาดคำสมบูรณ์ อำเภอบึงโขงหลง นั่งเรือชมวิวทิศทัศน์ภูลังกา ชมบรรยากาศรอบบึงโขงหลง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงนิเวศ
แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “บึงโขงหลง” อยู่ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง
เป็นแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชาวอำเภอบึงโขงหลงและอำเภอเซกา มีเนื้อที่ประมาณ 13,000 ไร่ บึงโขงหลงประกาศขึ้นทะเบียน เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
หรือ Ramsar Site ลำดับที่ 1,098 ของโลก เมื่อปี พ.ศ.
2544 และเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศไทย
เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ และพืชน้ำนานาชนิด
มี ปลาบู่แคระ ปลาที่หายากอาศัยอยู่
มีต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่ชาวบ้านจะนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เมนูที่นิยมรับประทาน คือ
ข้าวต้มผัดห่อหม้อข้าวหม้อแกงลิง
เช้าวันที่ 20 มกราคม 2561 ก่อนเดินทางกลับ คณะเดินทางไป คำชะโนด หรือวังนาคินทร์ อำเภอบ้านดุง
จังหวัดอุดรธานี
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ได้นำพานบายศรีที่ทำจากใบตองเป็นรูปพญานาคและดอกไม้ ไปกราบไหว้ขอพรหลวงปู่ศรีสุทโธ
ตามความเชื่อกันเป็นจำนวนมาก
นางบำเพ็ญพร สุริยกมล
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จังหวัดบึงกาฬ
นอกจากจะมีแหล่งอารยธรรมและมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแล้ว
ยังมีพืชสมุนไพรคุณภาพดี ดอกสิรินธรวัลลี ดอกไม้ประจำจังหวัด
ที่แปรรูปเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพชั้นดี
บึงกาฬยังมีแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนน่าสนใจ
ที่ควรไปสัมผัส...สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อย่าพลาด..ท่องเที่ยววิถีไทย..สบาย ๆ
สไตล์บึงกาฬ
สนับสนุนข่าวโดย....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น