ทกจ.บึงกาฬสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวหวังดึง
นทท.ไทยและตปท. เพิ่มขึ้น
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ
นำผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว และสื่อมวลชน
เดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวจากจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน เปิดตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน
และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
นางบำเพ็ญพร
สุริยกมล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ
กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
นิยมหันมาท่องเที่ยววิถีชุมชนเพิ่มมากขึ้น
ทำให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ
(ทกจ.บึงกาฬ) จึงหวังกระตุ้นให้คนไทย หันมาเที่ยวไทยด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ มีเงินหมุนเวียนในประเทศ
อีกทั้งก่อให้เกิดคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยัง
สร้างความภาคภูมิใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคน ที่ได้มีส่วนร่วม
และช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย
เพราะ จะทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศ
ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศโดยรวม ดังนั้น
ทกจ.บึงกาฬ จึงได้จัดกิจกรรมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวจากจังหวัดหนองคาย
–
บึงกาฬ
เพื่อเปิดตลาดและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ในภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดบึงกาฬ
นำของดีบึงกาฬให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักและมาสัมผัส
นำกลับไปประชาสัมพันธ์บอกต่อและหวนมาท่องเที่ยวอีกครั้ง และต่อเนื่อง
นางบำเพ็ญพร
สุริยกมล กล่าวเพิ่มเติม สำหรับการสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวครั้งได้ได้เดินทางไปที่ บ้านสะง้อ
ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ
แหล่งผลิต “ผ้าขาวม้าดารา” โดยกลุ่มทอผ้าบ้านสะง้อ มี นายดารา
แสงกอง เป็นประธานกลุ่ม ผ้าสวย ผ้านิ่ม
มีน้ำหนัก สีสันสวยงาม หมักจากโคลนใกล้สะดือแม่น้ำโขง ย้อมสีธรรมชาติจาก
เปลือกต้นหมากค้อเขียว ชมพู่ม่าเหมี่ยวและราชพฤกษ์ นำมาทอ ตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรูปแบบ
ทั้งเสื้อผ้า ผ้าขาวม้า ผ้าพันคอ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ราคาเป็นกันเอง บ้านสะง้อ
อยู่ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬ 28 กิโลเมตร
วัดอาฮงศิลาวาส
ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตำบลหอคำ
อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ห่างจากตัวจังหวัด 21
กิโลเมตร ถือเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดและไม่สามารถที่จะวัดความลึกได้
เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลาก มีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่
ชาวบ้านเรียกว่า “สะดือแม่น้ำโขง”
ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดบึงกาฬ
วัดโพธาราม อำเภอเมือง
จังหวัดบึงกาฬเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดบึงกาฬ
นอกจากนั้น ยังมีเรือกลไฟโบราณที่จมอยู่ใต้แม่น้ำโขงมานานกว่า 70 ปี
จากการเล่าขานว่า เรือลำนี้เป็นของ ขุนอินทร์ ณีระสมิท ชาวนครพนม
บรรทุกสินค้าใส่เรือเพื่อไปขายที่ เวียงจันทน์
เมื่อมาถึงหน้าวัดโพธาราม
เรือกลับถูกกระแสน้ำพัดไปติดซอกหินแล้วล่มลงกลางแม่น้ำโขง มีฝรั่งสามีภรรยา 2 คน
ติดอยู่ในเรือและเสียชีวิต เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา
ได้นำซากเรือเก็บไว้ที่วัดโพธาราม
เพื่อเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนบ้านท่าไคร้
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู
ในพื้นที่บ้านโนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงาม
มีหินรูปร่างแปลกตาจำนวนมาก สามารถเดินทางเข้าเยี่ยมชมธรรมชาติแห่งนี้ได้ หลายจุดจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
บางที่เป็นหน้าผาสูงชัน บางจุดอยู่ในป่าลึก จุดท่องเที่ยว เช่น หินสามวาฬ
ลานธรรมภูสิงห์ จุดชมวิวถ้ำฤาษี กำแพงหินภูสิงห์ ส้างร้อยบ่อ หินรถไฟ ขัวหิน (สะพานหิน) หินปลิง และ หินฉลาม

ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร
หรือ วัดภูทอก อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคนพัฒนา ตำบลนาสะแบง จังหวัดบึงกาฬ
โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ภูทอก มี 2 ลูก คือ
ภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย จุดเด่นของภูทอกคือ
สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามโดยรอบ ใช้แรงงานคนสร้าง
บันไดเวียน รอบภูทอกแบบ 360 มีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม
จากชั้น 1 ถึงชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของ
ยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียน
รอบเขาซึ่งจะได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ บันไดที่ทอดขึ้น
สู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำ สัตบุรุษ ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ
สู่โลกแห่ง โลกแห่งการหลุดพ้นด้วย
ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น

และ
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง มี บึงโขงหลง
เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 11,000 ไร่
ตั้งอยู่ในอำเภอเซกาและอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ
เป็นโครงการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรในหน้าแล้งของกรมชลประทาน
ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2523
และประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เมื่อปี พ.ศ. 2525
นอกจากนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (
Ramsar Site) ลำดับที่ 1,098 ของโลก (Wetland of International Importance) เมื่อปี พ.ศ. 2544 และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทย มีลานกางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง มีรูปร่างยาวเรียวมีส่วนโค้งนิด
คล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว มีป่าโปร่งกับป่าดงดิบแล้งโอบล้อม ตรงกลางบึงมีเกาะสันดอนขนาดใหญ่
2 – 3 แห่ง
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและพืชน้ำหลายชนิด เช่น ปลาบู่แคระ
ซึ่งเป็นปลาพันธุ์ที่หายาก รวมถึงนกหลายประเภท จุดเด่นของที่นี่จะมีต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ชาวบ้านจะนำมาทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เมนูที่นักท่องเที่ยวนิยมรับประทานคือ
ข้าวต้มผัดห่อหม้อข้าวหม้อแกงลิง
การสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวครั้งนี้ เพื่อสำรวจเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย
–
บึงกาฬและจังหวัดอุดรธานี
เป็นการประชาสัมพันธ์ตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุก เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทย
ร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีถิ่นวิถีไทย
ตลอดจนดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้มากขึ้น
(ทีมข่าว
หนองคายฮอตนิวส์ รายงาน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น